การขยายตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐฯมีแนวโน้มจะชะลอตัวลงในไตรมาสที่ 3/2017 เพราะได้รับผลกระทบจากพายุเฮอริเคนฮาร์วีย์และเออมาร์ ที่ส่งผลต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคและกิจกรรมการก่อสร้าง แต่ภาพรวมแนวโน้มทางเศรษฐกิจจะยังคงแข็งแกร่งจากการลงทุนในภาคธุรกิจ
ผลสำรวจนักเศรษฐศาสตร์จากรอยเตอร์ส ชี้ว่า จีดีพีสหรัฐฯมีแนวโน้มจะขยายตัวขึ้นที่ระดับ 2.5% ในช่วงระหว่าง ก.ค. – ก.ย. หลังจากที่ปรับตัวขึ้นได้ 3.1% ในไตรมาสที่ 2/2017
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯจะเผยประมาณการณ์ครั้งแรกของจีดีพีไตรมาสที่ 3/2017 ในคืนนี้ เวลา 19.30น. ซึ่งหากปราศจากความเสียหายที่มาจากพายุเฮอริเคน นักเศรษฐศาสตร์ ก็เชื่อว่า การขยายตัวของจีดีพีไตรมาสที่ 3/2017 ก็อาจจะอยู่ในระดับใกล้เคียงหรือสูงกว่าไตรมาสที่ 2/2017
หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก Bank of the West ในซานฟรานซิสโก กล่าวว่า แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯจะได้รับผลกระทบชั่วคราวในเรื่องของการใช้จ่ายของผู้บริโภคและภาคการก่อสร้างในไตรมาสที่ 3 แต่ภาพรวมพื้นฐานของการขยายตัวของจีดีพีสหรัฐฯนั้นยังคงมีความต่อเนื่อง
หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก UniCredit Research กล่าวว่า กรณีที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางนโยบายการเงินใดๆที่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจ ประกอบกับความเป็นไปได้ของแผนปฏิรูปภาษีในอนาคตก็อาจเป็นปัจจัยชั่วคราวที่จะหนุนให้จีดีพีสหรัฐฯนั้นเติบโตได้ 3% แต่ก็อาจจะไม่ใช่สาระสำคัญในการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระยะยาวได้
อย่างไรก็ดี แม้ว่าพายุเฮอริเคนจะส่งผลกระทบต่อภาคการใช้จ่ายของกลุ่มผู้บริโภคและการอ่อนตัวในการลงทุนก่อสร้างที่อยู่อาศัย แต่ก็ยังมีแรงชดเชยจากการใช้จ่ายในภาคธุรกิจที่ปรับตัวสูงขึ้น ภาคการค้า และอัตราการขยายตัวอย่างรวดเร็วในกลุ่มสินค้าคงคลัง
การลงทุนในภาคธุรกิจถูกคาดว่าจะขยายตัวขึ้นได้ติดต่อกัน 4 ไตรมาส ขณะที่ข้อมูลกาค้าจะเป็นปัจจัยที่หนุนการขยายตัวของจีดีพีอย่างต่อเนื่องในช่วง 3 ไตรมาส ซึ่งภาคธุรกิจจะส่งเสริมภาคสินค้าคงคลังในไตรมาสที่ 3/2017 ให้มีปริมาณความต้องการที่แข็งแกร่งแล้ว นักเศรษฐศาสตร์บบางส่วนยังประเมินว่าการลงทุนในภาคสินค้าคงคลังกว่า 8 ใน 10 เปอร์เซ็นต์จะส่งผลต่อจีดีพีไตรมาสที่ 3/2017
ที่มา: Reuters