
.png)
• ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวสูงขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการบริษัทยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้นและโอกาสการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องในยุโรป
ทั้งนี้ ในระยะสั้นดัชนี Stoxx 600 เปิดบวก 0.33% โดยตลาดส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวก
.png)
• ตลาดหุ้นเอเชียปรับสูงขึ้น โดยดัชนี Nikkei ของตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับสูงขึ้น 1.3% ขณะที่ดัชนี MSCI ทรงตัว ส่วนดัชนีฮ่องกงและเกาหลีใต้ปรับตัวสูงขึ้น 0.7% โดยได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ ขณะที่ค่าเงินยูโรทรงตัวอยู่เหนือระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือนเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ หลัง ECB ประกาศขยายระยะเวลาของนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ
• ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวสูงขึ้นกว่า 1% ซึ่งทำจุดสูงสุดในรอบ 21 ปี นำโดยหุ้นภาคธนาคารเนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯยังคงปรับสูงขึ้นและหุ้นเทคโนโลยีหลังจากผลประกอบการเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
ทั้งนี้ ดัชนี Nikkei ปิด+0.12% ที่ระดับ 22,008.45 จุด เป็นระดับที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่กลางปี 1996 สำหรับสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีเพิ่มขึ้น 2.6% โดยปรับตัวสูงขึ้นติดต่อกัน 7 สัปดาห์ ซึ่งเป็นการปรับขึ้นติดต่อยาวที่สุดในรอบเกือบหนึ่งปี
• ตลาดหุ้นจีนปรับตัวสูงขึ้นติดต่อกัน 5 วันทำการ โดยทำจุดสูงสุดในรอบ 28 เดือน เนื่องจากผลประกอบการของบริษัท พุ่งสูงกว่าที่คาดการณ์และข้อสรุปของการประชุมพรรคคอมมิวนิสต์ส่งผลให้เหล่านักลงทุนให้ความสำคัญไปยังวาระการดำเนินงานทางเศรษฐกิจของนาย สี จิน ผิง ประธานาธิบดี
ทั้งนี้ ดัชนี Shanghai Composite ปิด0.3% ที่ระดับ 3,416.81 จุด
• ตลาดหุ้นฮ่องกงปรับตัวสูงขึ้น หลักจากที่ผลประกอบการจากบริษัท ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้นโดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นสหรัฐฯและอีซีบีขยายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ดัชนี Hang Seng ปิด+0.8% ที่ระดับ 28,438.85 จุด
