

· ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดบวกในคืนวันศุกร์ โดยดัชนี Nasdaq ปิด +2.2% ที่ระดับ 6,701.26 จุด, ดัชนี S&P500 ปิด +0.81% ที่ระดับ 2,581.07 จุด, และดัชนี Dow Jones ปิด +0.14% ที่ระดับ 23,434.19 จุด
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาปรับตัวสูงขึ้น โดยดัชนี Nasdaq มีผลประกอบการรายวันดีที่สุดในรอบ 1 ปี ท่ามกลางผลกำไรที่แข็งแกร่งของบริษัท ขณะที่ค่าเงินยูโรรายสัปดาห์ปรับอ่อนค่าลงมากที่สุดในรอบปี หลัง ECB ตัดสินใจขยายระบะเวลาของการเข้าซื้อสินทรัพย์เพื่อคงอัตราดอกเบี้ยไว้ระดับต่ำดังเดิม
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯยังได้รับแรงหนุนหลังการประกาศตัวเลข GDP ประจำไตรมาสที่ 3/2017 ที่ออกมาดีขึ้นสู่ระดับ 3.0% จึงเป็นสัญญาณเศรษฐกิจสหรัฐฯยังคงมีความแข็งแกร่ง แม้ผู้บริโภคจะมีการใช้จ่ายน้อยลงเนื่องจากพายุเฮอริเคนก็ตาม

· ดัชนี MSCI ของตลาดหุ้นเอเชีย ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่น เปิด +0.2% ส่วนดัชนี Nikkei ของตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิด +0.2% และดัชนี Kospi ของตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เปิด +0.7%
ตลาดหุ้นเอเชียเปิดในแดนบวกท่ามกลางราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี ขณะที่ค่าเงินยูโรทรงตัวใกล้จุดต่ำสุดในรอบ 3 เดือน หลัง ECB ประกาศขยายระยะเวลาของการเข้าซื้อสินทรัพย์และคงอัตราดอกเบี้ยไว้ระดับต่ำออกไปอีก
· นักบริหารการเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวเงินบาทในสัปดาห์นี้อยู่ที่ระหว่าง 33.03-33.43 บาท/ดอลลาร์ โดยงตลาดให้ความสนใจไปยังการประชุมเฟด (31 ต.ค.-1 พ.ย.) รวมถึงผลสรุปของผู้ที่จะมาเป็นประธานเฟดคนใหม่ ขณะที่ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญระหว่างสัปดาห์ ได้แก่ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงาน ค่าจ้างแรงงาน ดัชนี PMI ภาคการผลิต/ภาคบริการ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค. อัตราเงินเฟ้อที่วัดจากดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน (PCE Price Index) ยอดสั่งซื้อของโรงงานเดือนก.ย. นอกจากนี้ ตลาดอาจรอจับตาผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่นและธนาคารกลางอังกฤษด้วยเช่นกัน
