· หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ระบุว่า ช่วงระหว่างเดือนพ.ย.และเดือนธ.ค. ทิศทางขาขึ้นของตลาดหุ้นอาจประสบภาวะชะงักงันเนื่องจากไม่มีปัจจัยเชิงบวกเข้ามาหนุนตลาด จึงส่งผลให้ตลาดชะลอความร้อนแรงลงหลังสิ้นสุดฤดูกาลประกาศผลประกอบการ และในระหว่างนี้ จะเห็นได้ว่าตลาดปรับตัวสูงขึ้นที่ระดับ 8-10% และเป็นไปตามคาดการณ์สำหรับการเติบโตของรายได้
อย่างไรก็ดี หากพิจารณาไปยังช่วงปลายปีหน้า ภาพของตลาดยังคงมีสัญญาณที่ดีอยู่ โดยได้รับอานิสงส์จากเศรษฐกิจสหรัฐฯและผลกำไรของกลุ่มบริษัท
· ตลาดหุ้นยุโรปคาดเปิดปรับตัวลดลง เนื่องจากนักลงทุนมีการตอบสนองต่อข่าวเกี่ยวกับผลประกอบการและรอการตัดสินใจจากธนาคารบีโออี
ดัชนี FTSE100 ร่วงลง 26 จุด ที่ระดับ 7,462 จุด ขณะที่ดัชนี DAX คาดว่าจะปรับตัวลง 19 จุด ที่ระดับ 13,446 จุด และดัชนี CAC40 ที่เปิดร่วงลง 1 จุด ที่ระดับ 5,512 จุด
· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้น หลังจากที่เฟดระบุว่า เศรษฐกิจเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ซึ่งช่วยหนุนโอกาสในการปรับขึ้นดอกเบี้ยเดือนธ.ค.ของเฟด ท่ามกลางเหล่านักลงทุนที่คาดว่าบีโออีจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี
ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมหุ้นญี่ปุ่นทรงตัวในวันนี้ หลังจากที่ในช่วงก่อนหน้าปรับตัวสูงขึ้นทำระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. ปี 2007
· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวสูงขึ้นอย่างแข็งแกร่งในรอบ 21 ปี ก่อนหน้าวันหยุดยาว ขณะที่เหล่านักลงทุน ลงทุนในหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และบริษัทต่างๆ เช่น Honda Motor และ Sony จากแนวโน้มผลกำไรที่ดีขึ้น
ทั้งนี้ ดัชนี Nikkei ปรับตัวสูงขึ้น 0.5% ที่ระดับ 22,539.12 จุด หลังจากที่ปิดทำจุดสูงสุดที่ระดับ 22,540.25 ซึ่งเป็นระดับที่ดีที่สุดนับตั้งแต่เดือน มิ.ย. 1996
· ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลดลง ท่ามกลางแรงกดดันจากหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มอสังหาฯ หลังแรงหนุนขาขึ้นจากรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3/2017 เริ่มมีท่าอ่อนแรงลงหลังนักลงทุนเริ่มกลับมากังวลถึงโอกาสในการชะลอัวของเศรษฐกิจก่อนที่จะสิ้นปีนี้
ขณะที่ ตลาดหุ้นฮ่องกงปรับลดลงตามตลาดหุ้นจีน ท่ามกลางนักลงทุนที่รอปัจจัยใหม่ๆเข้ามาช่วยหนุนตลาด
ทั้งนี้ ดัชนี Shanghai Composite ปรับลดลง 0.6% สู่ระดับ 3,376.11 จุด ขณะที่ดัชนี Hang Seng ปรับลดลง 0.2% ที่ระดับ 28,552.47 จุด