นักวิเคราะห์ Bank of America Merrill Lynch (BAML) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตัวสูงขึ้นและการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์อาจเป็นปัจจัยที่เข้ากดดันราคาทองคำอย่างหนักในช่วงต้นปี 2018
ทั้งนี้ BAML ปรับลดคาดการณ์ราคาทองคำในไตรมาสแรกของปีหน้าลง โดยคาดว่าจะมีราคาเฉลี่ยที่ระดับ 1,250 เหรียญ จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 1,400 เหรียญ
ขณะเดียวกันก็มองว่าทิศทางทองในช่วงที่เหลือของปีก็คาดว่าอาจจะไม่ค่อยสดใสนัก โดยราคาเฉลี่ยทองคำในช่วงไตรมาสที่ 2/2018 โดยลดลงจากประมาณการณ์ครั้งก่อนที่ระดับ 1,350 เหรียญ ขณะที่ไตรมาสที่ 3/2018 ถูกปรับลดลงมาที่ระดับ 1,300 เหรียญ จากคาดการณ์เดิมที่ระดับ 1,400 เหรียญ
นักวิเคราะห์ ระบุว่า แผนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องของเฟด ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อที่ยังอ่อนตัวก็ยังคงเป็นปัจจัยที่กดดันราคาทองคำ และมีความเสี่ยงที่มาตรวัดราคาหรือเงินเฟ้อจะปรับตัวสูงขึ้นได้ในอีกไม่กี่เดือน
นอกจากนี้ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอาจเป็นปัจจัยสำคัญครั้งใหญ่ที่จะเข้ากดดันทิศทางราคาทองคำในช่วงสิ้นปี โดยคาดว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ในปี 2017 นี้จะอยู่ที่ระดับ 2.85% ซึ่งจะถือเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 4 ปี
อย่างไรก็ดี แนวโน้มของทองคำยังขึ้นอยู่กับภาวะการเมืองของสหรัฐฯ กรณีความคืบหน้าของแผนปฏิรูปภาษีและนโยบายอื่นๆ
ขณะที่ในช่วงสิ้นปีนี้ BAML คาดว่า ค่าเงินดอลลาร์จะอยู่ในทิศทางแข็งค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินยูโร ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เราเห็นดัชนีดอลลาร์พุ่งขึ้น แต่ถึงแม้ภาพรวมความเชื่อมั่นของทองคำจะอยู่ในทิศทางขาลง และมีโอกาสเห็นราคาทองคำแถวระดับ 1,250 เหรียญ แต่ก็น่าจะมีปัจจัยบางตัวที่อาจเข้ามาขับเคลื่อนทิศทางทองคำให้ปรับตัวสูงขึ้น อาทิ การใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินของเฟด การอ่อนตัวของตลาดหุ้น หรือภาวะความวุ่นวายทางการเมืองสหรัฐฯ
ที่มา: Kitco