• ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นได้ติดต่อกัน 7 สัปดาห์ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าขึ้นได้ในคืนวันศุกร์ ทางด้านดัชนีดาวโจนส์และดัชนี S&P500 ปรับขึ้นได้ติดต่อกัน 8 สัปดาห์ และดัชนี Nasdadq ปรับขึ้นได้ 6 สัปดาห์ต่อเนื่อง โดยในคืนวันศุกร์ ตลาดได้รับอานิสงส์จากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ โดยเฉพาะข้อมูลการจ้างงานรายเดือน ขณะเดียวกันตลาดก็ตอบรับกับรายงานผลประกอบการของบริษัท Apple จึงทำให้หุ้นบริษัท Apple Inc พุ่งขึ้น 2.61%
ดัชนีดาวโจนส์ปิด +0.1% ที่ระดับ 23,539.22 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิด +0.31% ที่ระดับ 2,587.84 จุด และดัชนี Nasdaq ปิด +0.74% ที่ระดับ 6,764.44 จุด
ตลอดสัปดาห์ที่ผานมาดัชนีหลัก 3 ตัวของสหรัฐฯยังคงปรับตัวขึ้นได้แดนบวก ได้แก่ ดัชนีดาวโจนส์ที่ขยายตัวได้ 0.45% และดัชนี S&P500 ปรับขึ้นได้ 0.26% ส่งผลให้ภาพรวมปรับขึ้นติดต่อกัน 8 สัปดาห์ ขณะที่สัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนี Nasdaq ปรับขึ้น 0.94% ซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 6
• ตลาดหุ้นเอเชียเปิดผสมผสานกันในเช้านี้ ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่ตอบรับกับรายงานผลประกอบการ และข่าวการเยือนประเทศในแถบเอเชียของนายโดนัลด์ ทรัมป์ หลังจากที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดปรับตัวสูงขึ้นในคืนวันศุกร์ ท่ามกลางข้อมูลจ้างงานเดือนต.ค.ที่ผันผวน และตลาดกลับมาให้ความสนใจต่อรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งแทน
• นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสัปดาห์นี้ระหว่าง 33.00-33.30 บาท/ดอลลาร์ฯ โดยต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนก.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (เบื้องต้น) เดือนพ.ย. ขณะที่ข้อมูลของจีนต้องติดตาม ตัวเลขการค้าระหว่างประเทศและเงินเฟ้อเดือนต.ค. รวมถึงรายงานดัชนี PMI ภาคบริการเดือนต.ค. ของหลายๆ ประเทศทั่วโลก ขณะที่จุดสนใจเของตลาดไทยจะอยู่ที่การประชุมกนง. วันที่ 8 พ.ย. นี้
• นักวิเคราะห์ คาดว่า ในการประชุมกนง. วันที่ 8 พ.ย.นี้ มีแนวโน้มจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.50% เนื่องจากเศรษฐกิจไทยมีสัญญาณปรับตัวดีขึ้น ขณะที่เงินเฟ้อคงทยอยขยับเข้าใกล้เป้าหมายนโยบายการเงินของธปท. มากขึ้น ส่งผลให้ความจำเป็นในการดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายเพิ่มเติมมีน้อยลง