• ค่าเงินดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลงจากระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน เมื่อเทียบกับเงินเยน หลังจากอัตราผลตอบตอบพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ปรับลดลงสู่ระดับ 2.30% จากความไม่แน่นอนว่าพรรครีพับลิกันจะสามารถผลักดันนโยบายปฏิรูปภาษีได้ทันในกรอบเวลาที่ตั้งไว้หรือไม่
โดยดัชนีดอลลาร์ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 94.729 จุด เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลหลักส่วนใหญ่ ร่วงลงจากระดับสูงสุดในรอบ 10 วัน ที่ 95.077 จุด
ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับเงินเยน ปรับแข็งค่าขึ้น 0.15% สู่ระดับ 113.870 เยน/ดอลลาร์
ด้านค่าเงินยูโร ทรงตัวที่ระดับ 1.1613 ยูโร/ดอลลาร์ หลังจากที่ปรับอ่อนค่าลงมาจากระดับสูงสุดในรอบ 10 วัน ที่ระดับ 1.1580 ยูโร/ดอลลาร์
• รายงานจาก FXStreet แนะจับตาถ้อยแถลงนายมาริโอ ดรากี้ ประธานอีซีบีในวันนี้ ซึ่งอาจเห็นค่าเงินยูโรกลับมาเป็นขาขึ้นได้ หรืออาจเผชิญความเสี่ยงขาลงต่อได้ โดยคาดว่าค่าเงินยูโรจะผันผวนในกรอบ ซึ่งหากหลุดแนวรับ 1.1575 ดอลลาร์/ยูโร ก็มีโอกาสจะกลับลงมาทดสอบบริเวณเส้นค่าเฉลี่ยราย 200 วันบริเวณ 1.1401 ดอลลาร์/ยูโร
• คืนนี้นางเจเน็ต เยลเลน มีกำหนดการกล่าวถ้อยแถลงในงาน Award for Ethics in Government ซึ่งถูกคาดว่าจะไม่กล่าวถึงอะไรเกี่ยวกับนโยบายการเงิน รวมไปถึงการหมดวาระดำรงตำแหน่งของเธอ
• นายจอห์น วิลเลียม ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก กล่าวว่า การจัดเตรียมความเหมาะสมของแนวทางการกำหนดการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หากต้องมีการปรับเปลี่ยนในวันนี้ อาจหมายถึงการคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำให้นานกว่ากำหนดเพื่อหนุนการขยายตัวของเงินเฟ้อ
ขณะที่การกำหนดเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวหรือหลายๆส่วนให้เหมาะสมกับเป้าหมายการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อ อาจช่วยให้เงินเฟ้อมีเสถียรภาพท่ามกลางอัตราาคนว่างงานในระดับต่ำ
• นางชีบ้า จาฟารี รองประธานสาขา FICC Market Strats ประจำ Goldman Sachs วิเคราะห์ว่า ราคาของ Bitcoin จะปรับขึ้นต่อและทำสถิติใหม่ แม้จะปรับตัวร่วงลงมา 600 เหรียญก็ตาม
โดยนางจาฟารี ได้กล่าวว่า “ตลาดสกุลเงินดิจิตอลได้แสดงให้เห็นการเคลื่อนไหวในทิศทางขาขึ้นที่แข็งแกร่งนับตั้งแต่สามารถยืนเหนือระดับ 6,044 เหรียญ ดังนั้นจุดที่ต้องจับตาต่อไป คือบริเวณ 7,940 เหรียญ โดยราคาอาจมีการสะสมพลังอยู่ในช่วงดังกล่าวสักระยะก่อนที่จะปรับขึ้นต่อไป
• Goldman Sachs ชี้ แนวโน้มเชิงบวกของกลุ่มธุรกิจขนาดเล็กที่ขยายตัว แสดงให้เห็นถึงการเข้าสู่การเพิ่มขึ้นครั้งใหญ่ของบริษัทค้าขายสาธารณะ จึงสะท้อนให้เห็นว่ามีความคาดหวังมากขึ้นเกี่ยวกับการลดข้อกำหนดเพิ่มเติม รวมทั้งกระแสความร้อนแรงของแผนปฏิรูปภาษี โดยหุ้นของภาคบริษัทรายใหญ่ๆก็ได้รับผลประกอบการเพิ่มขึ้นจากภาคธุรกิจขนาดเล็กที่ฟื้นตัวได้ถึง 38% นับตั้งแต่ช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
• นายมุน แจ-อิน ประธาธิบดีเกาหลีใต้ แสดงความหวังว่าการมาเยือนเกาหลีใต้อย่างเป็นทางการของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะเป็นตัวแปรสำคัญที่จะช่วยคลี่คลายปัญหาความขัดแย้งระหว่างเกาหลีเหนือได้ โดยล่าสุด นายทรัมป์ได้เดินทางถึงฐานทัพของสหรัฐฯที่ตั้งอยู่ในเกาหลีใต้แล้ว
• นายทาโร่ อาโซะ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังแห่งญี่ปุ่น กล่าวว่า รัฐบาลญี่ปุ่นจะไม่มีการจัดตั้งการค้าเสรี เพื่อใช้แก้ไขปัญหาการขาดดุลการค้าระหว่างสหรัฐฯและญี่ปุ่น ขณะที่ทั้งสองฝ่ายกำลังเจรจาหารือถึงวิธีอื่นๆที่จะนำมาใช้แก้ไขปัญหาการขาดดุลการค้า ซึ่งก็มีหลายวิธีการที่สามารถนำมาใช้ได้
• ราคาน้ำมันปรับลดลงเล็กน้อย หลังจากที่ปรับขึ้นมาได้มากที่สุดในรอบ 6 สัปดาห์เมื่อวานนี้จากข่าวการเข้าจัมกุมเชื้อพระวงศ์ที่ตรวจสอบพบการคอร์รัปชั่นภายในซาอุดิอาระเบีย และจากข่าวความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างซาอุฯและอิหร่าน
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลง 4 เซนต์สู่ระดับ 57.31 เหรียญ หลังจากที่ปรับสูงขึ้น 3% เมื่อวานนี้ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวลง 5 เซนต์สู่ระดับ 64.22 เหรียญ หลังจากที่ปรับสูงขึ้น 3.5% เมื่อวานนี้
• นายอับเดล ฟัตตาห์ อัล-ซีซี่ ประธานาธิปดีอียิปห์ เรียกร้องให้ทุกประเทศในตะวันออกกลางรักษาความมั่นคงทางการเมือง หลังเกิดเหตุความขัดแย้งระหว่างเลบานอนและซาอุดิอาระเบียแบบกระทันหัน
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา นายซาอัด อัล-ฮารีรี นายกรัฐมนตรีแห่งเลบานอน ได้สร้างความประหลาดใจให้กับประชาชน โดยนายซาอัดได้ประกาศลาออก ท่ามกลางความกังวลว่ากำลังมีผู้วางแผนลอบสังหารตน นอกจากนี้ เขายังได้กล่าวประนามประเทศอิหร่าน และกลุ่มติดอาวุธเฮซบอลเลาะห์ในเลบานอน ว่าเป็นผู้สร้างความแตกแยกในพื้นที่ของอาหรับ
• รัฐมนตรีกระทรวงน้ำมันไนจีเรีย กล่าวเชิงสนับสนุนการขยายเวลาข้อตกลงร่วมกันระหว่างกลุ่มโอเปก, รัสเซีย, และสมาชิกนอกกลุ่มโอเปกรายอื่นๆ ในการปรับลดกำลังการผลิตจนถึงสิ้นปี 2018 ตราบเท่าที่จะเข้าสู่ช่วงที่เหมาะสม
• สถาบันจัดอันดับ Moody’s กล่าวว่าเกี่ยวกับประเด็นความตึงทางการเมืองของเลบานอน หลังจากที่ นายซาอัด อัล-ฮารีรี นายกรัฐมนตรีแห่งเลบานอน ได้ประกาศลาออกกระทันหัน อาจส่งผลให้ระดับความน่าเชื่อถือของประเทศเลบานอนถูกปรับลดลง