• ราคาทองคำตลาดโลกอ่อนตัวลง 0.7% แถวระดับ 1,275.6 เหรียญ หลังจากที่ไปทำ High บริเวณ 1,288.34 เหรียญเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ขณะที่ภาพรวมสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับขึ้นได้ 0.5%
• สัญญาทองคำส่งมอบเดือน ธ.ค. ของตลาด COMEX ปิดปรับลง 13.3 เหรียญ หรือคิดเป็น -1% ที่ระดับ 1,274.2 เหรียญ ขณะที่ภาพรวมสัปดาห์ที่แล้วปรับขึ้นได้ 0.4%
• รายงานจากบลูมเบิร์ก ระบุว่า มีปริมาณการซื้อขายทองคำประมาณ 4 ล้านออนซ์ภายในไม่กี่นาที จึงส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวลดลง หลังจากที่ช่วงประมาณ 23.10น. ตลาด COMEXมีการซื้อขายกว่า 40,000 คู่สัญญา หรือคิดเป็น 100 ออนซ์ ภายในเวลา 10 นาที จึงเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดแรงเทขายอย่างหนักเข้ามาในตลาดและฉุดให้ราคาปรับตัวลงกว่า 1.1%
เกิดภาวะกระชากตลาดอันจะเห็นได้จากเส้น Historical ระดับ 60 วัน ที่ชี้สภาวะผันผวนและภาวะอ่อนตัวใกล้ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ 2001
ขณะที่ประเด็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดเป็นตัวจำกัดความน่าสนใจลงทุนทองคำ จึงกดดันและหักลบกับภาพขาขึ้นของราคาทองคำในช่วงต้นปี
ปริมาณการลงทุนไหลออกจากตลาดทองคำในช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้ายก่อนปิดตลาด และทำให้ Volume การซื้อขายทองคำในตลาด COMEX พุ่งสูงขึ้นแตะ 63,384 คู่สัญญา และส่งผลให้สัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค. ปิด -1% ที่ระดับ 1,274.2 เหรียญ และหากว่านี่เป็นการซื้อขายที่มีเงื่อนงำจริงในช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้ายก่อนปิดตลาด (ซึ่งดูแล้วไม่น่าจะเป็นไปได้) ก็จะคิดเป็นมูลค่าการซื้อขายที่สูงถึง 8 พันล้านเหรียญ
อย่างไรก็ดี ทางบลูมเบิร์ก สรุปได้ว่า ตลาดทองคำในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาก็ดูจะมีการซื้อขายที่มีเงื่อนงำหรือน่าประหลาดใจ โดยในเดือนที่แล้วก็มีการปิดสัญญาซื้อขายสูงถึง 2 ล้านออนซ์ ในช่วงเวลาการซื้อขายเพียง 5 นาที เราจึงเห็นการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ ขณะที่ในช่วง 2 เดือนก่อนหน้าก็มีลักษณะการซื้อขายในตลาดที่คล้ายคลึงกันจึงทำให้ราคาปรับตัวสูงขึ้น และในเดือนมิ.ย. ที่ผ่านมาจะเห็นได้ถึงการซื้อขายภายใน 1 นาทีกว่า 1.8 ล้านออนซ์ ในตลาดทองคำ
• หัวหน้าฝ่ายการตลาดจากเฮเรอุส เมทัล กล่าวว่า เราไม่เห็นประเด็นใด หรือข่าวใดๆที่จะฉุดให้ทองร่วงลงกว่า 10 เหรียญได้ แต่ทองคำก็ปรับตัวลงมาแล้ว ซึ่งเรามองว่าน่าจะมีใครบางคนที่ถือครองสถานะจำนวนมากและกระตุ้นให้เกิดสภาวะ Trigger Stops ตามมา และทำให้ตลาดไปในทิศทางนั้นๆ
• กองทุน SPDR เมื่อคืนวันศุกร์ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติม ปัจจุบันยังคงถือครองทองคำที่ระดับ 843.09 ตัน
• ราคาทองคำปรับตัวลงท่ามกลางการปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่จำกัดการอ่อนตัวของค่าเงินดอลลาร์และตลาดหุ้น จากภาวะความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแผนภาษีสหรัฐฯ
• นักกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์จาก TD Securities ระบุว่า การเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร เป็นปัจจัยที่เข้ากดดันราคาทองคำ โดยจะเห็นได้ถึงการค่อยๆปรับตัวขึ้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอย่างต่อเนื่อง
• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปีของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นทำระดับสูงสุดในรอบ 9 ปี หลังเหล่าเทรดเดอร์ลดสถานะจากภาวะ Curve-Flattener ขณะที่ดีลเลอร์มีการลดการถือครองสถานะในอัตราผลตอบแทนระยะยาว
• ความไม่แน่นอนของแผนภาษีสหรัฐฯ ได้ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกมีการปิดปรับตัวขึ้นที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2003 เนื่องจากการปรับลดภาษี ซึ่งเป็นหนึ่งในประเด็นหาเสียงหลักของนายทรัมป์ได้ช่วยหนุนให้ดัชนี S&P500 พุ่งกว่า 20%
• นักวิเคราะห์จาก Saxo Bank แนะให้จับตาการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้น ซึ่งหากมีการปรับตัวลงต่อ มีโอกาสจะเป็นปัจจัยผลักดันให้ราคาทองปรับตัวสูงขึ้น
• ราคาซิลเวอร์ปิด -0.6% ที่ระดับ 16.89 เหรียญ และโดยภาพรวมสัปดาห์ที่แล้วปรับขึ้น 0.4% ซึ่งถือเป็นการปรับตัวสูงขึ้นเป็นสัปดาห์แรกในรอบ 4 สัปดาห์