• ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นในตลาดเอเชียเช้านี้ โดยดัชนีดอลลาร์ทรงตัวอยู่มีระดับ 94.499 จุด เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลหลักส่วนใหญ่ โดยได้รับแรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ
ขณะที่ค่าเงินปอนด์อังกฤษปรับแข็งค่าขึ้น 0.1% สู่ระดับ 1.3122 ปอนด์/ดอลลาร์ หลังปรับร่วงลงไปจากข่าวความไม่มั่นคงทางการเมืองอังกฤษ
• ทั้งนี้ รายงานจากหนังสือพิมพ์ The Sunday Times ระบุว่า สมาชิกพรรคอนุรักษ์นิยมของอังกฤษจำนวน 40 คน เตรียมยื่นหนังสือแสดงความไม่เชื่อมั่นในตัวนางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ
อย่างไรก็ดี การยื่นจดหมายแสดงความไม่เชื่อใจครั้งนี้ ยังคงขาดเสียงอีก 8 เสียง เพื่อที่จะเข้าสู่กระบวนการสอบสวนศักยภาพของนายกรัฐมนตรีที่อาจนำไปสู่เปลี่ยนแปลงผู้นำพรรคได้
• นายเควิน บาร์ดี้ หัวหน้าคณะกรรมการจัดหารายได้แห่งสภาสหรัฐฯ แสดงความเชื่อมั่นว่านโยบายปฏิรูปภาษีจะสามารถผ่านการลงมติในสภา เพื่อที่จะสามารถนำร่างนโยบายเข้าสู่ขั้นตอนถัดไป ที่จะเกิดขึ้นในคืนวันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้ได้
• ราคาน้ำมันดิบ Brent ปิด -0.6% ที่ระดับ 63.16 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดตลาดเพิ่มสูงขึ้น 2 เซนต์ที่ระดับ 56.76 เหรียญ/บาร์เรล
โดยราคาน้ำมันเมื่อคืนที่ผ่านมาเคลื่อนตัวในกรอบแคบ ท่ามกลางแรงหนุนจากสถาณการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง ขณะที่มีแรงกดดันจากกระแสคาดกการณ์ว่าปริมาณน้ำมันสหรัฐฯจะเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง
• รายงานจาก Reuters ระบุว่า ในการประชุมระหว่างบรรดาผู้ผลิตน้ำมันทั้งในและนอกกลุ่มโอเปก ที่จะมีขึ้นในวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้ มีแนวโน้มสูงที่จะประกาศขยายระยะเวลาของมาตรการปรับลดกำลังการผลิตออกไปตลอดปี 2018 จากเดิมที่จัสิ้นสุดลงในเดือนมีนาคม ปี 2018
• กลุ่มโอเปกยกระดับการคาดการณ์ปริมาณอุปสงค์น้ำมันในปี 2018 สู่ระดับ 33.42 ล้านบาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้น 360,000 บาร์เรลจากคาดการณ์เดิมเมื่อกรกฏาคม ท่ามกลางการปรับลดปริมาณการผลิตจากกลุ่มผู้ผลิต ที่ส่งผลให้ปริมาณน้ำมันในคลังลดน้อยลง จึงทีแนวโน้มส่งผลให้ตลาดโลกขาดแคลนน้ำมันมากขึ้นในปี 2018