MTS Help Center

• ค่าเงินปอนด์อังกฤษทรงตัวที่บริเวณ 1.3115 ปอนด์/ดอลลาร์ หลังจากที่ปรับอ่อนค่าลงไปจากข่าวความไม่เชื่อมั่นในตัวนางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ขณะที่บรรดาส.ส.ในสภาอังกฤษเตรียมการโต้วาทีในคืนวันนี้และวันพรุ่งนี้ ในหัวข้อเกี่ยวกับ การดำเนินการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป

ขณะที่ตลาดจะจับตาไปยังการกล่าวถ้อยแถลงจากบรรดาผู้นำธนาคารกลางสำคัญๆอย่าง นายมาริโอ ดรากี้ ประธานอีซีบี, นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด, นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ประธานบีโอเจ และนายมาร์ค คาร์นีย์ ประธานบีโออี ที่มีกำหนดการจะกล่าวถ้อยแถลงในการประชุมระหว่างผู้นำธนาคารกลางที่จะจัดขึ้นในเยอรมนี โดยเริ่มตั้งแต่ช่วงเย็นวันนี้

ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวที่ระดับ 94.486 จุด เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลหลักส่วนใหญ่ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับเงินเยนปรับแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยสู่ระดับ 113.66 เยน/ดอลลาร์ แต่ยังคงเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 114.735 เยน/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน

• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ปรับสูงขึ้นสู่ระดับ 2.407% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 9 ปี ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในเดือนธันวาคมนี้

• อัตราการผลิตของภาคอุตสาหกรรมจีนชะลอตัวลงที่ระดับ 6.2% ในเดือนตุลาคม น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 6.3% และช้าลงจากระดับ 6.6% ของอัตราการผลิตเมื่อเดือนกันยายน

ขณะที่ปริมาณการลงทุนในสินทรัพย์คงทนในตลาดจีนชะลอตัวลงสู่ระดับ 7.3% ในช่วงเดือนมกราคม-ตุลาคมที่ผ่านมา น้อยกว่าที่คาดไว้ที่ระดับ 7.4%

ทั้งนี้ การชะลอตัวลงของภาคเศราฐกิจจีนเกิดจากการใช้มาตรการควบคุมปัญหามลพิษจากภาคโรงงาน รวมถึงการควบคุมภาวะความเสี่ยงจากหนี้สินครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น

• ยอดขายบ้านและจำนวนที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างของประเทศจีนปรับตัวลดลง 6.0% ในเดือนตุลาคม เทียบกับระดับ 1.5% ที่ปรับลดลงไปเมื่อเดือนกันยายน ท่ามกลางสภาพคล่องของตลาดที่เริ่มลดลงไปจากการเข้ามาควบคุมตลาดของรัฐบาลจีน

• ราคาน้ำมันปรับลดลงท่ามกลางกระแสคาดการณ์ว่าอัตราการผลิตน้ำมันจะปรับตัวสูงขึ้น แม้จะมีแรงหนุนจากมาตรการลดกำลังการผลิตการกลุ่มโอเปกก็ตาม

โดยราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับลดลง 0.5% ที่ระดับ 62.85 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับลดลง 0.4% ที่ระดับ 56.5 เหรียญ/บาร์เรล