· ค่าเงินยูโรปรับอ่อนค่าลงเล็กน้อย แต่ยังเคลื่อนไหวใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ครึ่ง ที่บริเวณ 1.1797 ยูโร/ดอลลาร์ หลังจากที่ปรับขึ้นกว่า 1% เมื่อวานนี้ หลังจากได้รับแรงหนุนของตัวเลขเศรษฐกิจเยอรมนีที่ออกมาแข็งแกร่ง
ด้านดัชนีดอลลาร์ ได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของเงินยูโร ส่งผลให้ดัชนีทรงตัวที่บริเวณ 93.812 จุด เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลหลักส่วนใหญ่ เคลื่อนไหวใกล้ระดับต่ำสุดของเดือนตุลาคม
· นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ได้กล่าวถ้อยแถลงในการประชุมระหว่างผู้นำธนาคารกลางที่จัดขึ้นโดยมีอีซีบีเป็นเจ้าภาพ เพื่อหารือในหัวข้อ “การสื่อสารระหว่างธนาคารกลางและประชาชน”
ซึ่งนางเยลเลน ได้ยอมรับว่าเฟดได้สร้างความสับสนให้กับตลาดเนื่องจากมีสมาชิกหลายคนออกมากล่าวถ้อยแถลงเกี่ยวกับนโยบายการเงินภายใต้มุมมองที่แตกต่างกันไปของเจ้าหน้าเฟดแต่ละคน
ยกตัวอย่างเช่น เจ้าหน้าที่บางคนอาจมีมุมมองค่อนข้างไปทางคุมเข้มทางการเงิน จึงอาจส่งผลให้ประชาชนที่รับฟังเข้าใจว่าเฟดมีมุมมองนโยบายการเงินไปในเชิงคุมเข้ม ในขณะที่เจ้าหน้าที่มีมุมมองผ่อนคลายทางการเงินก็จะส่งผลในทางตรงกันข้ามกัน นักลงทุนที่ดำเนินตามทิศทางของการดำเนินนโยบายการเงินจึงได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ นางเยลเลน ยังได้ยอมรับอีกว่า เป็นเรื่องยากที่จะแก้ไขปัญหานี้ อย่างไรก็ตาม เฟดก็ไม่นิ่งนอนใจ โดยยังคงพยายามหาหนทางที่จะแก้ไขปัญหาดังกล่าวในปัจจุบัน
· สำนักข่าว Reuters เผย รัฐบาลจีนได้อนุมัติโปรเจคการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเพิ่มอีก 16 รายการ ซึ่งคิดเป็นมูลค่ารวม 6.66 แสนล้านหยวน (7.64 แสนล้านเหรีญ)
· เศรษฐกิจญี่ปุ่นขยายตัวเร็วกว่าที่คาดในไตรมาสที่สาม ซึ่งได้รับแรงหนุนจากการส่งออกที่แข็งแกร่ง
โดยสำนักงานคณะรัฐมนตรี เผยว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นขยายตัวได้ 1.4% ในช่วงเดือนก.ค.-ก.ย. ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยการขยายตัวต่อปีเล็กน้อยที่ระดับ 1.3% ขณะที่ GPDญี่ปุ่นเติบโต 0.3% ในช่วงไตรมาสก่อนหน้านี้
ด้านค่าใช้จ่ายผู้บิรโภคปรับลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ไตรมาส แต่คาดว่าจะเป็นเพียงระยะเวลาชั่วคราว เนื่องจากเศรษฐกิจอยู่ใกล้การจ้างงานที่เต็มรูปแบบ ซึ่งจะหนุนการบริโภคภายในประเทศในอนาคตและคาดว่าการใช้จ่ายด้านเงินทุนและการส่งออกที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลให้เศรษฐกิจเติบโตขึ้น จึงช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อ
· สำนักข่าว CNBC รายงานว่า ทำเนียบขาวมีแนวโน้มกำลังพิจจารณาเสนอชื่อนายโมฮัมเหม็ด อัล-เอเรียน เพื่อเข้ารับตำแหน่งรองประธานเฟด
นายโมฮัมเหม็ด อัล-เอเรียน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งหัวหน้าที่ปรึกษาด้านเศรษฐศาสตร์ในเครือบริษัท Allianz และเคยทำงานในบริษัทหุ้นรายใหญ่อย่าง Pimco จึงน่าจะเป็นผู้ที่สามารถใช้ประสบการณ์ในด้านเศรษฐกิจของเขาในช่วยบริหารเฟดได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดคนหนึ่ง
· นักวิเคราะห์ประจำสภาคองเกรสแห่งสหรัฐฯคาดการณ์ว่า ประชากรสหรัฐฯจำนวนกว่า 13.8 ล้านครัวเรือน โดยเฉพาะครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำกว่า 2 แสนเหรียญต่อปี หรือคิดเป็นประมาณ 10% ของจำนวนประชากรทั้งหมด จะมีการเสียภาษีเพิ่มขึ้นตั้งแต่ 100 – 500 เหรียญในปี 2019 และอาจมีแนวโน้มที่ระดับภาษีจะเพิ่มสูงกว่า 500เหรียญ โดยเฉพาะครัวเรือนที่มีรายได้ระหว่าง 75,000 – 200,000 เหรียญต่อปี
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ยังคาดว่าในปี 2025 จำนวนครัวเรือนที่ต้องเสียภาษีจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 21.4 ล้านครัวเรือน
อย่างไรก็ดี บรรสมาชิกวุฒิสภาแห่งสหรัฐฯกำลังเร่งเขียนนโยบายปฏิรูปภาษี โดยอ้างว่าจะช่วยสนับสนุนประชาชนที่มีฐานะปานกลางด้วยการปรับลดภาษีสำหรับนิติบุคคล และยกเลิกการจ่ายภาษีให้ภาครัฐและท้องถื่น