· ราคาทองคำร่วงลงเมื่อคืนนี้ หลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อันได้แก่ ยอดค้าปลีกเมื่อเดือนที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นและข้อมูลเงินเฟ้อส่งสัญญาณฟื้นตัวจึงหนุนโอกาสการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในเดือนหน้า และทำให้ค่าเงินดอลลาร์รีบาวน์กลับเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่
· ราคาทองคำตลาดโลกปรับลดลง 0.2% แถวระดับ 1,277.51 เหรียญ หลังจากที่ระหว่างวันเมื่อวานนี้ขึ้นไปทำระดับสูงสุดบริเวณ 1,289.09 เหรียญ ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ 20 ต.ค. ที่ผ่านมา และภาพรวมของสัปดาห์นี้ยังคงอยู่ในเกณฑ์การปรับขึ้นประมาณ 0.8%
· สัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค. ตลาด COMEX ปิดลดลง 5.2 เหรียญ หรือคิดเป็น 0.4% ที่ระดับ 1,277.7 เหรียญ
· แนวโน้มการปรับลดภาษีของสหรัฐฯที่อาจช่วยกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจนั้นดูจะไม่ค่อยสดใสนักในเวลานี้ หลังจากที่สมาชิกวุฒิสภาพรรครีพับลิกันได้จัดสร้างอุปสรรคทางการเมืองครั้งใหม่ โดยการเชื่อมโยงการยกเลิกองค์ประกอบสำคัญของ Obamacare ในแผนปฏิรูปภาษี
· หัวหน้านักวิเคราะห์จาก Societe Generale กล่าวว่า กระแสคาดการณ์เกี่ยวกับแผนภาษีที่อาจเลื่อนออกไปกำลังเป็นประเด็นที่เข้ามา และนั่นอาจทำให้เฟดไม่สามารถคุมเข้มทางการเงินได้อย่างที่ควรจะเป็น
· นักวิเคราะห์จาก ANZ กล่าวว่า ข้อมูลเงิน้เฟออาจทำให้ราคาทองคำ Break กรอบ 1,265 – 1,290 เหรียญได้
· หัวหน้าเทรดเดอร์ประจำ U.S. Global Investors กล่าวว่า เฟดต้องการเห็นข้อมูลเงินเฟ้อแต่ก็ยังไม่เกิดขึ้นตามเป้า ดังนั้นอัตราดอกเบี้ยจึงอาจอยู่ในระดับต่ำเป็นเวลาหลายปี ขณะเดียวกันเงินเฟ้อก็ยังไม่สามารถปรับตัวขึ้นได้ตามที่สมาชิกเฟดคาดหวังไว้ หากข้อมูลเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น ก็อาจจะเป็นเรื่องง่ายต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด
· นักวิเคราะห์จาก ScotiaMocatta วิเคราะห์ว่า ภาพทางเทคนิคของราคาทองคำจะมีแนวต้านอยู่บริเวณเส้นค่าเฉลี่ยราย 50 วัน บริเวณ 1,292 เหรียญ และแนวต้านระดับเส้น Fibonacciบริเวณ 1,297.7 เหรียญ
· กองทุน SPDR เมื่อวานนี้ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติม ปัจจุบันยังคงถือครองทองคำที่ระดับ 843.39 ตัน ติดต่อกัน 3 วันทำการ
· ราคาซิลเวอร์ปิดลดลง 0.4% ที่ระดับ 16.95 เหรียญ ขณะที่ราคาแพลทินัมปรับขึ้น 0.2% ที่ระดับ 927.74 เหรียญ และราคาพลาเดียมปรับขึ้น 0.4% ที่ระดับ 981.75 เหรียญ หลังจากที่ลงไปทำระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์บริเวณ 973.4 เหรียญ