• ดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับขึ้น 160.5 จุด หรือคิดเป็น +0.69% ที่ระดับ 23,590.83 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิด +0.65% ที่ระดับ 2,599.03 จด และดัชนี Nasdaq ปิด +1.06% ที่ระดับ 6,862.48 จุด
ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดปรับขึ้นและทำระดับปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ทั้ง 3 ดัชนีหลัก เพราะได้รับอานิสงส์จากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับตัวขึ้นและมีภาพรวมดีที่สุดในปีนี้
ดัชนี S&P500 ปิดปรับขึ้นทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เป็นครั้งแรกในช่วง 2 สัปดาห์ หลังจากที่สัปดาห์ที่แล้วตลาดปิดอ่อนตัวลงจากนักลงทุนที่กังวลต่อแผนภาษีของสหรัฐฯว่าจะผ่านการลงมติได้หรือไม่
• ดัชนีมาตรวัดความผันผวน (VIX) ของตลาดปิดลดลง 0.9 จุด ที่ระดับ 9.73 จุด ซึ่งถือเป็นระดับชต่ำสุดในรอบกว่า 2 สัปดาห์
• ภาพรวมตลาดหุ้นสหรัฐฯมีปริมาณการซื้อขายที่เบาบางเนื่องจากไม่ค่อยมีการรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3 และข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญในสัปดาห์นี้ ขณะที่วันพรุ่งนี้จะเข้าสู่เทศกาลวันหยุด Thanksgiving
• Goldman Sachs ปรับเพิ่มประมาณการณ์ผลกำไรของกลุ่มบริษัทใน S&P500 ในปี 2018 และ 2019 จากมุมมองที่ดีต่อแผนปฏิรูปภาษีสหรัฐฯ, แนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกและสหรัฐฯที่ดีขึ้น รวมทั้งการค่อยๆปรับขึ้นดอกเบี้ยจากธนาคารกลาง
• ตลาดหุ้นเอเชียเปิดปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากที่หุ้นบริษัทเทคโนโลยีส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นและช่วยหนุนตลาด ขณะที่ดัชนี Nikkei 225 เปิด +0.98% และดัชนี Topix เปิด +0.59% ทางด้านดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้เปิด +0.85%
• นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทน่าจะเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 32.75-32.85 บาท/ดอลลาร์ นอกจากนี้แนวโน้มค่าเงินบาทในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ไปจนถึงไตรมาส 1/61ยังมีแนวโน้มที่แข็งค่าอย่างเนื่อง จากความผิดหวังการปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯ ที่ไม่น่าจะดำเนินการได้ทันช่วงปลายปีนี้ และอาจต้องเลื่อนไปปีหน้า ขณะที่สหรัฐฯเริ่มใกล้เข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวปลายปี ส่งผลให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง อย่างไรก็ตาม ในช่วงตั้งแต่ไตรมาส 2/61 ค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าได้ จากการลงทุนในด้านต่างๆ ทั้งของภาครัฐและเอกชน