• ดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับขึ้น 255.93 จุด หรือคิดเป็น +1.09% ที่ระดับ 23,836.71 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิด +0.99% ที่ระดับ 2,627.05 จุด และดัชนี Nasdaq ปิด +0.49% ที่ระดับ 6,912.36 จุด ซึ่งดัชนีหลักทั้ง 3 ของตลาดหุ้นสหรัฐฯต่างก็ปิดระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้ เพราะได้รับอานิสงส์จากการเพิ่มขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร และความคืบหน้าเกี่ยวกับแผนการปรับลดภาษี รวมไปถึงข้อมูลความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่แข็งแกร่ง ประกอบกับถ้อยแถลงของผู้ที่นายทรัมป์เลือกมาดำรงตำแหน่งประธานเฟดคนต่อไปด้วยนั่นเอง
• การผลักดันแผนปรับลดงบประมาณครั้งใหญ่ของนายทรัมป์ ที่ดูเหมือนจะได้รับอนุมัติจากทางวุฒิสภา แต่สมาชิกพรรครีพับลิกันบางส่นก็ยังคงมีความกังวลอยู่ ซึ่งตลาดหุ้นสหรัฐฯก็ดูจะให้ความสำคัญและจับตาไปยังความคืบหน้าของแผนดังกล่าว และคาดหวังว่า การปรับลดภาษีนิติบุคคลจะช่วยทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯนั้นปรับขึ้นทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้ต่อ
• เช้านี้ ตลาดหุ้นเอเชียเปิดปรับตัวสูงขึ้น โดยให้ความสำคัญกับการปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นสหรัฐฯมากกว่าข่าวการยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือในเช้าวันนี้ โดยดัชนีนิกเกอิเปิด +0.53%จากหุ้นกลุ่มส่งออกที่ได้รับอานิสงส์จากการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินเยน ขณะที่หุ้นบริษัทโตโยต้า, โซนี่ และชาร์ป เปิดปรับขึ้น
• นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.50-32.65 บาท/ดอลลาร์ โดยเมื่อวานนี้ เงินบาทยังแข็งค่าต่อเนื่อง เนื่องจากมี flow หนาแน่นจากฝั่ง Export ซึ่งในระยะยาวแล้วเงินบาทยังมีทิศทางแข็งค่าต่อ