• ดอลลาร์ทรงตัวในวันนี้ แต่ภาพรวมเดือนนี้อยู่ในทิศทางอ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่กังวลและจับตาความคืบหน้าของร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีอย่างใกล้ชิด ขณะที่ค่าเงินปอนด์แข็งค่าจากทิศทางเชิงบวกจากกรณี Brexit ที่อาจบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้
ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวบริเวณ 93.15 จุด โดยภาพรวมเดือนพ.ย.นี้ ร่วงลงไปประมาณ 1.5%
ทางด้านค่าเงินปอนด์แข็งค่าขึ้น 0.5% ที่ระดับ 1.3471 ดอลลาร์/ปอนด์ หลังจากที่ปรับเพิ่มขึ้นไปทำระดับแข็งค่ามากที่สุดบริเวณ 1.3480 ดอลลาณ์/ปอนด์ ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ 26 ก.ย. และภาพรวมเดือนนี้ปรับขึ้น 1.4%
ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้น 0.2% ที่ระดับ 1.1864 ดอลลาร์/ปอนด์ โดยภาพรวมเดือนพ.ย. ปรับแข็งค่าขึ้นได้ 1.9% แม้ว่าจะมีระดับการเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับแข็งค่ามากที่สุดในรอบ 2 เดือนที่ระดับ 1.1961 ดอลลาร์/ยูโรเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
ค่าเงินเยนอ่อนค่าลง 0.1% ที่ระดับ 111.99 เยน/ดอลลาร์ หลังจากที่ลงไปทำระดับแข็งค่าที่สุดในรอบ 10 สัปดาห์บริเวณ 110.85 เยน/ดอลลาร์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ภาพรวมเดือนนี้อยู่ในทิศทางอ่อนค่าประมาณ 1.5%
นักลงทุนในตลาดการเงินก็ยังคงจับตาไปยังความตึงเครียดบริเวณคาบสมุทรเกาหลีเหนืออยู่ หลังจากที่เกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธครั้งล่าสุดเมื่อไม่นานนี้
• นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เสนอชื่อศาสตราจารย์มาวิน กูดเฟรน (Professor Marvin Goodfriend) จากมหาวิทยาลัย Carnegie Mellon University เพื่อขึ้นเป็น 1 ในบอร์ดบริหารของเฟด
ทั้งนี้ หากการเสนอชื่อได้รับความเห็นชอบจากสมาชิกวุฒิสภา จะทำให้บอร์ดบริหารของเฟดยังคงมีผู้ดำรงตำแหน่งเหลืออยู่อีก 4 ตำแหน่ง จากทั้งหมด 7 ตำแหน่ง ภายหลังจากนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดคนปัจจุบัน จะลาออกจากบอร์ดบริหารในเดือนกุมภาพันธ์ ปี2018 หลังจากที่นายเจอโรม โพเวล ว่าที่ประธานเฟด จะเข้ารับตำแหน่งแทนเธอ
• รายงานจาก CoinDesk ระบุว่า มูลค่า Bitcoin ผันผวนกว่า 1,000 เหรียญ ภายในระยะเวลาเพียง 24 ชั่วโมง โดยเมื่อคืนที่ผ่านมา มูลค่า Bitcoin ปรับร่วงลงไปเกือบ 18% จากระดับสูงสุดที่ 11,388.33 เหรียญ สู่ระดับ 9,290.30 เหรียญ ก่อนที่จะพยายามกลับขึ้นมาทดสอบระดับ 10,000 เหรียญ ในช่วงตลาดหลังจากนั้น ก่อนที่จะเริ่มทรงตัวที่บริเวณ 9,795 เหรียญ ท่ามกลางแรงเทขายและปริมาณอุปสงค์ที่มีอย่างหนาแน่น
• เอกอัคราชฑูตจากรัสเซียเรียกร้องให้เกาหลีเหนือหยุดทำการทดสอบขีปนาวุธ รวมถึงสหรัฐฯและเกาหลีใต้ให้หยุดทำการซ้อมรบ เพื่อไม่ให้เป็นการสุมไฟให้กับกองเพลิงที่กำลังลุกไหม้ให้อันตรายไปยิ่งกว่านี้
• ผลสำรวจจาก Reuters เผย ECB มีแนวโน้มที่จะหยุดการเข้าซื้อสินทรัพย์รายเดือน ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายกระตุ้นการเงินของเศรษฐกิจยูโรโซน ภายในเดือนกันยายน ปี 2018
• ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคชาวอังกฤษ จัดทำโดย GfK ปรับลดลง 2 จุด สู่ระดับ -12 ในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเป็นรดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่การลงประชามติ Brexit เมื่อปีที่แล้ว ขณะที่มุมมองเศรษฐกิจของบรรดาธุรกิจและครัวเรือนล้วนชี้ไปในเชิงลบ
• ราคาที่อยู่อาศัยในประเทศอังกฤษขยายตัวน้อยกว่าที่คาดไว้ในเดือนพฤศจิกายน ที่ระดับ 0.1% เทียบกับระดับ 0.2% ในเดือนตุลาคม ขณะที่ค่าเฉลี่ยรายปี ราคาที่อยู่อาศัยยังคงขยายตัวที่ระดับ2.5% เท่ากับค่าเฉลี่ยเมื่อเดือนตุลาคม
• อัตราการผลิตของภาคอุตสาหกรรมในประเทศญี่ปุ่นประจำเดือนตุลาคม ฟื้นตัว 0.5% ต่ำกว่าที่คาดการณืไว้ที่ระดับ 1.9% ขณะที่ตัวเลขเดิมของเดือนกันยายน ปรับแก้ใหม่เป็นขยายตัวได้ที่ระดับ 1.0%
ทั้งนี้ ภาคอุตสาหกรรมขยายตัวได้ท่ามกลางปริมาณอุปสงค์จากต่างประเทศที่เกิดอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่งของเศรษฐกิจโลกในภาพรวม
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า อัตราการผลิตภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นในเดือนพฤศจิกายนจะขยายตัวได้ 2.8% และ 3.5% สำหรับเดือนธันวาคม
• รายงานจาก CNBC ระบุว่า การผลิตของภาคอุตสาหกรรมในประเทศจีนขยายตัวได้ด้วยอัตราที่เร็วขึ้น โดยดัชนี PMI ขยายตัวสู่ระดับ 51.8 จุด ในเดือนพฤศจิกายน มากกว่าที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้ที่ระดับ 51.4 ขณะที่ดัชนี PMI เมื่อเดือนตุลาคม ประกาศออกมาที่ระดับ 51.6 จุด
ขณะที่ดัชนี PMI ภาคบริการของจีนขยายตัวสู่ระดับ 54.8 จุด เทียบกับระดับ 54.3 จุด ของเมื่อเดือนที่ผ่านมา
• ธนาคารกลางเกาหลีใต้ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งอรกในรอบ 6 ปี ท่ามกลางความเชื่อมั่นของบอร์ดบริหารว่า เศรษฐกิจภายในประเทศสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง และไม่มีจำเป็นต้องใช้นโยบายกระตุ้นเศราบกิจอีกต่อไป
ทั้งนี้ ธนาคารกลางเกาหลีใต้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับ 1.50% จากเดิมที่ระดับ 1.25
• ประธานเครือธนาคาร Asian Development Bank กล่าวว่า บรรดาเศรษฐกิจของประเทศในทวีปเอเชียสามารถรองรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากเฟดได้ หากแต่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยควรดำเนินการไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป
• โอเปกและรัสเซียมีแนวโน้มจะกำหนดเงื่อนไขการขยายระยะเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปจนถึงช่วงสิ้นปี 2018 ในการประชุมสัปดาห์นี้ ขณะเดียวกันก็ดูเหมือนว่าพวกเขาอาจทำการปรับทบทวนข้อตกลงของการประชุมในเดือนมิ.ย. หากพิจารณาแล้วว่าตลาดเผชิญกับภาวะ Overheat
• ราคาน้ำมันดิบ WTI ดีดกลับเล็กน้อยประมาณ 23 เซนต์ ที่ระดับ 58.22 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้น 31 เซนต์ แถวระดับ 63.92 แต่ภาพรวมราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงในสัปดาห์นี้ หลังจากที่รายงานของ EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบในรัฐคุชชิงและโอกลาโฮมา ร่วงลงมากที่สุดในรอบเกือบ 8 ปี ขณะเดียวกันสต็อกแก๊สโซลีนและก๊าซธรรมชาติปรับตัวสูงขึ้น โดยสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯร่วงลงไป 3.4 ล้านบาร์เรล จากคาดการณ์ที่ว่าจะลดลงประมาณ 2.3 ล้านบาร์เรล เหรียญ/บาร์เรล
