• ค่าเงินดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่บริเวณ 93.467 จุด ขณะที่ค่าเงินยูโรเช้านี้ปรับแข็งค่ามาที่อยู่ที่ระดับ 1.1845 ดอลลาร์/ยูโร แต่ค่าเงินเยนปรับอ่อนค่าขึ้นเล็กน้อยที่ระดับ 112.97 เยน/ดอลลาร์
• บรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรแห่งสหรัฐฯ เมื่อคืนที่ผ่าน มีมติให้ร่างนโยบายปฏิรูปภาษีสามารถผ่านได้อย่างเป็นเอกฉันท์ อย่างไรก็ตาม ร่างนโยบายจะยังไม่สามรถส่งต่อให้ประธานาธิบดีลงนามอนุมัติได้ จนกว่าจะผ่านการลงมติในสภาวุฒิสมาชิก ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นในคืนนี้
• บรรดาเจ้าหน้าที่ในสภาคองเกรสแห่งสหรัฐฯ ในช่วงสัปดาห์นี้ มีแนวโน้มที่จะโต้แย้งกันในเรื่องของงบประมาณสำหรับการป้องกันประเทศ ประกันสุขภาพ และหัวข้ออื่นๆที่ยืดเยื้อมายาวนาน ซึ่งอาจจะชะลอการดำเนินงานของนโนบายปฏิรูปภาษี รวมถึงมีความเสี่ยงเกี่ยวกับภาวะ Shutdown ของรัฐบาลในบางส่วน
• นักวิเคราะห์สรุปรายงานจากเฟดสาขาซานฟรานซิสโก โดยมีมุมมองว่า แผนภาษีฉบับยกเครื่องดูมีนวโน้มจะได้รับมติเห็ฯชอบทั้งหมดจากสภาคองเกรส ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีหน้าได้ แต่ก็อาจส่งผลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
นักวิเคราะห์อาวุโส เผยรายงาน FedViews ล่าสุด ระบุว่า หากสภาคองเกรสผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีไดในช่วงสิ้นปีนี้หรือช่วงต้นปีหน้า ก็น่าจะช่วยทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯในปี 2018 และ 2019 ขยายตัวได้ปานกลาง โดยจีดีพีน่าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 2.25% ในปี 2018 ก่อนจะชะลอตัวลงในปี 2019 ที่ระดับ 1.75%
• ราคาน้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 39 เซนต์ หรือคิดเป็น +0.6% ที่ระดับ 63.8 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 30 เซนต์ หรือคิดเป็น +0.5% ที่ระดับ 56.46 เหรียญ/บาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นแถว 64 เหรียญ/บาร์เรล โดยตลาดยังได้รับอานิสงส์จากการปิดท่อส่งน้ำมันในทะเลหนือ ประกอบกับการปรับลดน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปก และคาดการณ์ที่ว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯจะปรับตัวลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 5
แต่การเพิ่มขึ้นของผลผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯอาจเป็นตัวจำกัดการปรับขึ้นของราคาน้ำมันดิบได้ ขณะที่การผลิตน้ำมันถ่านหินจะเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนม.ค. ตามรายงานจากคาดการณ์ของรัฐบาลที่เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา