· ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวที่บริเวณ 93.278 จุด เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ ท่ามกลางการซื้อขายที่เบาบาง เนื่องจากตลาดต่างประเทศส่วนใหญ่ยังคงปิดทำการ แม้ญี่ปุ่นจะประกาศตัวเลขเศรษฐกิจออกมาแข็งแกร่งก็ตาม โดยเหล่านักลงทุนยังคงระมัดระวังการซื้อขายเพื่อจับตาดูแนวโน้มต่อไปของตลาดในปี 2018
ค่าเงินยูโรปรับอ่อนค่าลง 0.1% บริเวณ 1.1869 ยูโร/ดอลลาร์ ต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้ หลังผลการเลือกตั้งระดับท้องถื่นของแคว้นคาตาโลเนีย ชัยชนะตกเป็นของพรรคแสดงหาเอกราช จึงทำให้แนซโน้มของความขัดแย้งภายในสเปนและสหภาพยุโรปมีท่าทีจะเลวร้ายลง
ค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับเงินเยน ทรงตัวที่บริเวณ 113.30 เยน/ดอลลาร์
· ราคา Bitcoin ปรับตัวสูงขึ้น 10% เคลื่อนไหวบริเวณ 15,049 เหรียญ หลังจากที่ปรับตัวร่วงลงมากกว่า 30% ทำระดับต่ำสุดที่บริเวณ 11,159.93 เหรียญ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสัปดาห์ที่ราคา Bitcoin ปรับร่วงลงด้วยอัตราที่มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2013
· รัฐบาลจีนประกาศนโนบายที่จะเข้ามาควบคุมจำนวนประชากรในเมืองเซี่ยงไฮ้ โดยตั้งเป้าหมายไว้ที่จำนวนที่ 25 ล้านคนในปี 2035
· รัฐบาลเกาหลีใต้คาดการณ์ว่า เกาหลีเหนือจะมีท่าทีเปิดกว้างตอ่การเจรจากับสหรัฐฯในหัวข้อเกี่ยวกับการยุติโครงการพัฒนาอาวุธมากขึ้นในปี 2018 รวมถึงน่าจะต้องการรื้อฟื้นความสัมพันธ์อันดีกับเกาหลีใต้อีกด้วย
· ผลสำรวจจาก Reuters คาดการณ์ว่า อัตราการส่งออกของประเทศเกาหลีใต้ในเดือนธันวาคม จะขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 11 ที่ระดับ 10.3% เทียบกับอัตราส่งออกเมื่อพฤศจิกายนที่ระดับ 9.5% ท่ามกลางปริมาณอุปสงค์ของสินค้าประเภทชิพความจำ และสินค้าปิโตรเลียม ที่เพิ่มสูงขึ้นในต่างประเทศ
· นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าธนาคารกลางญีปุ่น (BoJ) กล่าว ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่กำลังเติบโต อาจส่งผลให้มีการเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงในตลาดการเงินสูงขึ้นตาม และตลาดจำเป็นจับตาดูการเคลื่อนดังกล่าวอย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ นายคุโรดะยังคงยืนยันว่า BoJ ควรคงนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อไป เพื่อช่วยหนุนให้อัตราเงินเฟ้อของญีปุ่นสามารถขยายตัวสู่ระดับเป้าหมายที่ 2% ได้
· นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เรียกร้องให้บรรดาบริษัทภายในประเทศญี่ปุ่นปรับขึ้นอัตราค่าจ้างอย่างน้อย 3% ภายปี 2018 เพื่อรักษาความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจญี่ปุ่นในปี2018 รวมถึงผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อขยายตัวสู่ระดับเป้าหมายของธนาคารกลางได้
· นายแฮรี่ โคลวิน ผู้บริหารและนักเศรษฐศาสตร์อาวุโสประจำ Longview Economics ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Reuters โดยนายแฮรี่คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันในช่วงไตรมาสที่ 1/ 2018 จะยังไม่สามารถฟื้นตัวได้ เนื่องจากยังคงมีปัจจัยกดดันราคาอยู่
ซึ่งปัจจัยดังกล่าว คือปริมาณการผลิตน้ำมันจากสหรัฐฯที่กำลังขยายตัวและกดดันการเคลื่อนไหวของตลาดน้ำมัน รวมถึงสร้างความตึงเครียดทางการเมืองให้กับบรรดาประเทศในตะวันออกกลาง
ทั้งนี้ สาเหตุที่ราคาน้ำมันสามารถปรับตัวสูงขึ้นได้ในช่วงปี 2017 เกิดจากมาตรการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันจากกลุ่มโอเปกและผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่ให้ความร่วมมือ
· ราคาน้ำมันทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2015 ท่ามกลางมุมมองเชิงบวกในตลาดที่มีต่อภาวะอุปทานน้ำมัน ที่ได้รับแรงหนุนจากมาตรการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปกและรัสเซีย
โดยราคาน้ำมันดิบ WTI ทรงตัวที่บริเวณ 58.52 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ Brent ทรงตัวที่บริเวณ 65.25 เหรียญ/บาร์เรล