· ราคาทองคำตลาดโลกปรับตัวลดลง 0.1% ในช่วงบ่าย ลงมาบริเวณ 1,319 เหรียญ หลังจากลงไปทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,315.40 เหรียญ ท่ามกลางกระแสคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้
ด้านราคาสัญญาทองคำตลาด COMEX ทรงตัวที่บริเวณ 1,320 เหรียญ
· ดัชนีดอลลาร์แข็งค่าแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ แต่ปรับอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่บริเวณ 112.49 เยน/ดอลลาร์ หลังบีโอเจประกาศลดการเข้าซื้อพันธบัตรรับบาลเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
· บรรดานักลงทุนต่างคาดการณ์จังหวะการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่มากขึ้นในปีนี้จากเฟด หลังตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่ประกาศออกมาอ่อนแอ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อมุมมองเศรษฐกิจสหรัฐฯของเฟดแต่อย่างใด
· ประธานเฟดสาขาแอตแลนต้า กล่าวว่า การขึ้นดอกเบี้ยจำนวน 2 ครั้งในปี 2018 อาจเพียงพอสำหรับเศรษฐกิจสหรัฐฯในภาวะที่อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯยังคงมีถูกกดดันอยู่
· นักวิเคราะห์จาก Shandong Gold Group กล่าวว่า ราคาทองคำในระยะสั้นอาจเผชิญแรงกดดันจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นจากนโยบายปฏิรูปภาษีและกระแสคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด
แต่เมื่อใดที่ตลาดได้ตอบรับกับกระแสคาดการณ์ดังกล่าวไปแล้ว ค่าเงินดอลลาร์ก็จะกลับมาอ่อนค่าลงอีกครั้ง ซึ่งจะช่วยหนุนราคาทองคำให้ปรับสูงขึ้นได้อีกครั้ง โดยคาดว่า ราคาทองคำมีโอกาสปรับขึ้นเหนือระดับสูงสุดของเมื่อปี 2017 ได้ภายในช่วงครึ่งหลังของปี 2018
· นักวิเคราะห์ทางเทคนิคจาก Reuters คาดการณ์ว่าราคาทองคำจะทดสอบแนวต้านที่ระดับ 1,329 เหรียญ ขณะที่แนวรับของราคาทองคำในระยะสั้นจะอยู่ที่ระดับ 1,311.40 เหรียญ
· ราคาซิลเวอร์ปรับตัวลดลง 0.4% บริเวณ 17.11 เหรียญ
ราคาแพลตินั่มปรับตัวลดลง 0.9% บริเวณ 963.70 เหรียญ หลังขึ้นไปทำระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือนครึ่งที่ 973.60 เหรียญ
ราคาพลาเดียมปรับตัวลดลง 0.2% บริเวณ 1,098.10 เหรียญ
· นักวิเคราะห์ทางเทคนิคจาก Kitco ระบุว่า ระดับสำคัญทางเทคนิคของทองคำในปีนี้เป็นทิศทางขาขึ้น ประกอบไปได้วย การที่ราคา Breakout มายืนเหนือ 1,300 เหรียญ จึงมีโอกาสที่จะเห็นราคาทองคำปรับตัวขึ้นมาที่ระดับ 1,375 เหรียญ และ 1,400 เหรียญ หลังจากที่ไม่สามารถฟื้นขึ้นมาได้ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา แต่ทองคำจะปรับเป็นขาลงเมื่อหลุด 1,250 เหรียญลงมา และจะมีระดับแนวรับสำคัญบริเวณ 1,200 เหรียญ
ขณะที่ราคาซิลเวอร์ก็มีแนวโน้มเป็นขาขึ้นและจะทดสอบ 18.50 เหรียญ และ 20 เหรียญ ซึ่งหากผ่านมาได้ก็จะมีแนวต้านสำคัญ21.50 เหรียญ ซึ่งเป็นระดับสำคัญที่ขึ้นมาทดสอบหลายครั้งนับตั้งแต่ปี 2014 ขณะที่แนวรับสำคัญของซฺลเวอร์จะอยู่ที่ 15.50 เหรียญ และ 15.00 เหรียญตามลำดับ หากหลุุดลงมาจะมีแนวรับสำคัญ 13.75 เหรียญ