MTS Help Center

· ราคาทองคำปรับตัวลดลง 0.2% ลงมาเคลื่อนไหว 1,324.90 เหรียญ ใกล้ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 1 สัปดาห์ที่ระดับ 1,323.70 เหรียญ ท่ามกลางแรงกดดันจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ที่ฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯประกาศออกมาแข็งแกร่งกว่าคาด

ด้านราคาสัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ปรับตัวลดลง 1% บริเวณ 1,325.7 เหรียญ/ออนซ์

· เทรดเดอร์จาก MKS PAMP กล่าวว่า ตัวเลขผลการผลิตภาคอุตสาหกรรมประจำเดือนธ.ค.ของสหรัฐฯที่ประกาศออกมาสูงขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้ ได้กดดันให้ราคาทองคำปรับตัวลดลง และชนจุดStop Loss ของนักลงทุนส่วนใหญ่ จึงส่งผลให้ราคาปรับร่วงลงมามากขึ้น

· ตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ ขยายตัวมากกว่าคาดในเดือนธ.ค. ท่ามกลางแรงหนุนจากอากาศที่หนาวเย็นในช่วงปลายปี ส่งผลให้เกิดอุปสงค์ในเครื่องทำความอุ่นมากขึ้น แต่อัตราการผลิตของสหรัฐฯยังคงทรงตัว จึงบ่งชี้ว่า ภาคอุตสาหกรรมยังสามารถเติบโตได้ในระดับปานกลางเท่านั้น

· นักบริหารพอร์ตจาก Adroit Financial Services กล่าวว่า ราคาทองคำมี่แนวรับที่ระดับ 1,326 เหรียญ หากสามารถรองรับการปรับลดลงของราคาได้ ราคาทองคำก็ยังมีโอกาสขึ้นไปทดสอบระดับ 1,360 – 1,364 เหรียญได้

· นักวิเคราะห์จาก ANZ ประเมินว่า การปรับฐานของราคาสกุลเงินดิจิทัล อาจเป็นปัจจัยช่วยสนับสนุนราคาทองคำได้ โดยระบุว่า นักลงทุนในตลาดยุโรป เริ่มมีการเปลี่ยนการถือครองสินทรัพย์จากสกุลเงินดิจิทัลมาเป็นทองคำกันเป็นวงกว้างมากขึ้น

· ข้อมูลจาก Bitstamp ระบุว่า ราคา Bitcoin ปรับร่วงลงอีก 10% ต่ำกว่าระดับ 10,000 เหรียญ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. โดยมูลค่าของ Bitcoin ปรับร่วงลงมามากกว่าครึ่ง หลังจากขึ้นไปทำระดับสูงสุดเหนือ 20,000 เหรียญเมื่อเดือนที่ผ่านมา

· ดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้น 0.33% เมื่อเทียบกับเงินสกุลหลัก บริเวณ 90.844 จุด หลังจากที่อ่อนค่าลงไปบริเวณ 90.113 จุด เมื่อช่วงตลาดก่อนหน้านี้

· นักวิเคราะห์ทางเทคนิคจาก Reuters คาดการณ์ว่า ราคาทองคำจะปรับตัวลดลงไปที่บริเวณ 1,311 เหรียญ หลังจากที่ทะลุผ่านแนวรับ 1,329 เหรียญมาได้

· ราคาซิลเวอร์ทรงตัวบริเวณ 17.01 เหรียญ ขณะที่ราคาพลาเดียมปรับตัวลดลง 0.2% บริเวณ 1,112.53 เหรียญ

ด้านราคาแพลตินั่มปรับลดลง 0.1% บริเวณ 997.24 เหรียญ หลังจากขึ้นไปทำระดับสูงสุดที่ 1,006.60 เหรียญ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของวันที่ 6 ก.ย. ในช่วงตลาดก่อนหน้า

· รายงานจาก World Gold Council พบว่า ปริมาณอุปสงค์ทองคำแท่งในประเทศจีนเพิ่มสูงขึ้นสู่ระดับ 233 เมตริกตัน (metric tons) ในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2017 เทียบกับระดับ 162 เมตริกตัน ในช่วงไตรมาสเดียวกันของปี 2016 ซึ่งหากรวมปริมาณอุปสงค์ทองคำแท่งและเหรียญทองคำในอินเดียด้วยแล้ว จะเห็นได้ว่าทั้ง 2 ประเทศมีปริมาณอุปสงค์ทองคำคิดเป็นครึ่งหนึ่งของปริมาณอุปสงค์ทั้งโลก

อย่างไรก็ดี ทางด้านตลาดสหรัฐฯกลับพบว่า นักลงทุนให้ความสนใจในทองคำน้อยลง และหันไปลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลและตลาดหุ้นมากขึ้น