• ค่าเงินเยนปรับอ่อนค่าขึ้นมา 0.2% บริเวณ 111.15 เยน/ดอลลาร์ หลังนายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าบีโอเจ ออกมายืนยันว่า ทางธนาคารกลางจะยังไม่มีการปรับนโยบายการเงินให้เป็นแบบคุมเข้มในเร็วๆนี้แต่อย่างใด
ทั้งนี้ ค่าเงินเย็นปรับแข็งค่าลงไปบริเวณ 110.55 เยน/ดอลลาร์ เมื่อช่วงสายวันนี้ หลังการประชุมของ BOJ ที่ส่งสัญญาณที่ดีขึ้นต่อเศรษฐกิจส่งผลให้เกิดการเข้าซื้อในเงินเยน ก่อนที่ค่าเงินจะอ่อนค่าขึ้นไปในช่วงบ่าย
• รายงานจาก Reuters เกี่ยวกับผลการประชุมของ BOJ วันนี้ ได้กล่าวถึงมุมมองทางเศรษฐกิจที่ดูมีท่าทีในเชิงบวกมากขึ้น โดยระบุว่า ปัจจุบัน ธนาคารกลางประเมินการเคลื่อนไหวของเงินเฟ้อญี่ปุ่นไปในทิศทาง Sideways ซึ่งเป็นมุมมองที่ดีขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับมุมมองเมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมา ที่ BOJ ได้กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อเคลื่อนไหวในแดนลบ
• ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์เริ่มแข็งค่าขึ้นหลังตลาดเริ่มคลายความกังวลต่อภาวะ Shutdown โดยดัชนีดอลลาร์เคลื่อนไหวแถวบริเวณ 90.49 จุด แต่ยังคงอยู่ไม่ไกลจากระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปีที่ระดับ 90.104 จุด เท่าไหร่นัก
ด้านค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวแถวบริเวณ 1.2277ดอลลาร์/ยูโร หลังขึ้นไปทำระดับสูงสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ระดับ 1.2323 ดอลลาร์/ยูโร
• นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ลงนามอนุมัติร่างงบประมาณฉบับชั่วคราว ที่จะสนับสนุนการเงินให้กับการปฏิบัติการต่างๆของหน่วยงานรัฐเป็นระยะเวลา 17 วัน จนกว่าจะมีการลงมติในร่างนโยบายฉบับใหม่อีกครั้ง สำหรับคืนนี้ บรรดาข้าราชการในสหรัฐฯ น่าจะสามารถกลับมาทำงานได้ตามปกติ หลังจากบางส่วนถูกพักงานเป็นการชั่วคราวไปเมื่อคืนที่ผ่านมา
• ตัวแทนจากสหรัฐฯ แคนาดา และเม็กซิโก จะพบกันในคืนนี้ เพื่อประชุมหาข้อตกลงร่วมกันในสนธิสัญญา NAFTA ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาทั้งสัปดาห์ในการหารือกัน อย่างไรก็ตาม แนวโน้มของสนธิสัญญายังคงมีความไม่แน่นอน ประกอบกับการข่มขู่ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่าจะถอนตัวออกจากสนธิสัญญาหากได้ข้อเสนอที่ไม่พึงพอใจ
• สมาชิกระดับสูงในพรรค SPD ของนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี กล่าวเตือนให้นางแมร์เคิล เร่งการเจรจาเพื่อก่อตั้งรัฐบาลร่วมให้สำเร็จโดยเร็ว ภายในระยะเวลา 2-3 สัปดาห์ พร้อมเตือนว่า ชาวเยอรมนีเริ่มสูญเสียความเชื่อมั่นในประชาธิปไตย หลังจากไม่มีรัฐบาลใหม่เข้ามาดูแลประเทศ มาเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว
• ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นท่ามกลางมุมมองเชิงบวกที่มีต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลก ประกอบกับแรงหนุนจากมาตรการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปก
โดยราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับสูงขึ้น 0.55% บริเวณ 69.41 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่ราคาปรับสูงขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี ที่ระดับ 70.37 เหรียญ/บาร์เรล เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับสูงขึ้น 0.7% บริเวณ 63.99 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่ราคาปรับสูงขึ้นแตะระดับสูงสุดของเดือน ธ.ค. 2017 ที่ระดับ 64.89 เหรียญ/บาร์เรล เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา