• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 30 มกราคม 2561

    30 มกราคม 2561 | Economic News


• ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ ท่ามกลางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯที่ปรับตัวขึ้น และเหล่าเทรดเดอร์กำลังรอคอยการประชุมเฟด ประกอบกับรายงานจ้างงานสหรัฐฯที่จะประกาศในช่วงปลายสัปดาห์นี้ ขณะเดียวกันค่าเงินยูโรและค่าเงินปอนด์ก็ปรับอ่อนค่าลงมาเมื่อวานนี้

ดัชนีดอลลาร์ปรับขึ้น 0.28% ที่ระดับ 89.319 จุด หลังจากที่ปรับอ่อนค่าลงไปต่อเนื่อง 6 สัปดาห์ และส่งผลให้ภาพรวมเดือน ม.ค. อยู่ในทิศทางอ่อนค่า โดยปรับตัวลงมาแล้วประมาณ 3% ในเดือนนี้

ค่าเงินยูโรร่วงลงมาแถวระดับ 1.2335 ดอลลาร์/ยูโร ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบวัน ก่อนที่จะดีดกลับขึ้นมาได้ ขณะที่เมื่อคืนนี้ปิดตลาด -0.27% ที่ระดับ 1.2386 ดอลลาร์/ยูโร ทางด้านเงินปอนด์อ่อนค่าลงไป 0.67%

• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯปรับตัวขึ้นทำระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 ปี หลังทราบถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่อีซีบี ที่ยิ่งหนุนกระแสคาดการณ์ที่ว่า บรรดาธนาคารกลางต่างๆทั่วโลกจะทำการชะลอการใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากทิศทางเศรษฐกิจที่ขยายตัว

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ปรับขึ้นทำ High 2.727% ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เม.ย. ปี 2014 ก่อนที่จะอ่อนตัวลงมาปิดแถวระดับ 2.701%

• กรรมการผู้จัดการและประธานฝ่ายการจัดการ FX จาก Chapedelaine Foreign Exchange ณ กรุงนิวยอร์ก กล่าวว่า นักลงทุนยังคงรู้สึกไม่แน่นอนต่อการประชุมเฟดที่กำลังจะมาถึง รวมทั้งประธานเฟดคนใหม่ หรือนายเจอโรม โพเวลล์ ที่จะมารับตำแหน่งคนต่อไป โดยตลาดมีความกังวลว่าเราจะเห็นถึงทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องหรือไม่ โดยจะเป็นการปรับขึ้นเร็วกว่าที่คาดไว้ในปัจจุบัน หรือว่าจะเป็นการปรับขึ้นในช่วงเวลาใด

• ผลสำรวจจากรอยเตอร์ ชี้ว่า ตลาดมีมุมมองว่าเฟดจะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้จำนวน 3 ครั้งในปีนี้ โดยจะเริ่มต้นในการประชุมเดือนมี.ค. แต่นักวิเคราะห์บางส่วนจากสถาบันการเงินชั้นนำ ได้แก่ Goldman Sachs และ JP Morgan Asset Management ต่างคาดการณ์ว่าเฟดน่าจะขึ้นดอกเบี้ยได้จำนวน 4 ครั้ง

• ขณะที่เหล่าเทรดเดอร์บางส่วน มองว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้จำนวน 4 ครั้งในปีนี้ จากการปรับตัวขึ้นของเงินเฟ้อภายในประเทศ และการขยายตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก

• เครื่องมือ FedWatch จาก CME Group ระบุว่า มีโอกาส 26% ที่เฟดจะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจำนวน 4 ครั้งในปีนี้

• นักเศรษฐศาสตร์บางส่วน คาดการณ์ว่า เฟดจะทำการปรับเพิ่มประมาณการณ์ทางเศรษฐกิจในการประชุมช่วง 2 วันทำการนี้ และยังมองว่าเฟดมีโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยได้จำนวน 4 ครั้งในปีนี้

• นักวิเคราะห์จาก BK Asset Management ระบุว่า นักลงทุนต่างรอคอยข้อมูลจากกระทรวงแรงงานสหรัฐฯในคืนวันศุกร์นี้ อันได้แก่ Non-Farm Payrolls, อัตราค่าแรงรายชั่วโมง และอัตราว่างงาน ซึ่งดูเหมือนว่าอัตราค่าแรงมีแนวโน้มจะชะลอตัวลง

• ผลการประกาศข้อมูลค่าใช้จ่ายผู้บริโภคสหรัฐฯปรับตัวขึ้นได้อย่างแข็งแกร่งในเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา ท่ามกลางอุปสงค์ในสินค้าและบริการที่เพิ่มสูงขึ้น แต่การออมค่าใช้จ่ายก็ปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 10 ปี จึงเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าอาจเกิดปัญหาต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการอุปโภคบริโภคในอนาคตได้

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เผยข้อมูลการใช้จ่ายผู้บริโภคที่ออกมาแย่กว่าคาดการณ์เล็กน้อยที่ระดับ 0.4% ในเดือนธ.ค. ขณะที่ข้อมูลในเดือนก่อนหน้ามีการปรับทบทวนขึ้นมาที่ระดับ 0.8%

ขณะที่ยอดการออมของผุ้บริโภคลดลงแตะ 3.516 แสนล้านเหรียญในเดือน ธ.ค. จากระดับ 3.651 แสนล้านเหรียญในเดือนก่อนหน้า ซึ่งถือเป็นการปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2007 และน้อยกว่าจำนวน 4.858 แสนล้านเหรียญในปี 2017 และ 6.806 แสนล้านเหรียญในปี 2016 โดยอัตราการออมลดลงแตะระดับ 2.4%แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ก.ย.ปี 2005 จากระดับ 2.5% ในเดือนพ.ย.

• รัฐบาลสหรัฐฯคาด ยอดขาดดุลของรัฐบาลจะเพิ่มสูงขึ้นเกินระดับ 1 ล้านล้านเหรียญในปี 2019 ขณะที่เจ้าหน้าที่น่าจะเริ่มทำการโหวตร่างกฏหมายงบประมาณเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะ Shutdown อีกครั้งภายในสัปดาห์หน้า

• นายโรเบิร์ต ไรท์ไฮเซอร์ ตัวแทนการค้าแห่งสหรัฐฯ ปฏิเสธข้อเสนอจากแคนาดาที่ให้สหรัฐฯยกเลิกการกีดกันการค้าภายใต้สนธิสัญญา NAFTA แต่ได้ให้สัญญาว่าจะเร่งบรรลุข้อตกลงร่วมกันให้ได้ภายในช่วงปลายเดือนก.พ นี้ ส่งผลให้ความกังวลว่าสหรัฐฯจะถอนตัวออกจากสนธิสัญญา NAFTA เริ่มผ่อนคลายลงไป

ทั้งนี้ การเจรจาเพื่อปรับปรุงสนธิสัญญา NAFTA ที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ระบุว่าสนธิสัญญาดังกล่าวเปรียบเสมือน “หายนะ” ของสหรัฐฯ แม้จะดำเนินมาติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6 แล้วก็ตาม นายไรท์ไฮเซอร์ก็ยังคงยืนยันเมื่อเร็วๆนี้ ว่านายทรัมป์ยังมีมุมมองดังกล่าวอยู่เช่นเดิม พร้อมเตือนว่าการเจรจาดำเนินการได้ช้าเกินไป

• คณะกรรมธิการข่าวกรองของวุฒิสภาของสหรัฐฯ เมื่อคืนที่ผ่านมา ได้ทำการโหวตเพื่อตัดสินว่าจะเปิดเผยบันทึกของพรรครีพับลิกันจากกระทรวงยุติธรรมที่กล่าวว่าร้ายประธานาธิบดีสหรัฐฯหรือไม่ แต่ยังคงไม่มีข้อมูลว่าผลการโหวตออกมาเช่นไร

• นายแอนดรูว์ แมคคาเบ (Andrew McCabe) รองผู้อำนวยการ FBI ประกาศลาออกจากตำแหน่ง ภายใต้แรงกดดันจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และบรรดาสมาชิกพรรครีพับลิกัน เนื่องจากการที่เขาได้ให้การสนับสนุนนางฮิลลารี่ คลินตัน จากพรรคเดโมแครต คู่แข่งคนสำคัญของนายทรัมป์ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปี 2016

• การเจรจาเพื่อก่อตั้งรัฐบาลร่วมระหว่างพรรค CDU ของนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี และพรรค SPD มีท่าทีอาจชะลอตัวลง เนื่องจากไม่สามารถหาข้อตกลงร่วมกันได้ในบางกรณี โดยเฉพาะด้านการบริหารจัดการกลุ่มผู้ลี้ภัย

• ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์และสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้น แต่ภาพรวมของราคาน้ำมันดิบในเดือนม.ค. ก็ป็นเดือนที่ปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบ 5 ปี

ราคาน้ำมันดิบ Brent ปิดปรับตัวลดลง 1.6 เหรียญ หรือคิดเป็น -1.5% ที่ระดับ 69.46 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่ไปทำ High ที่ระดับ 70.64 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลดลง 58 เซนต์ หรือคิดเป็น -0.9% ที่ระดับ 65.56 เหรียญ/บาร์เรล

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com