• ดัชนีดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลง 0.1% เมื่อเทียบกับเงินสกุลหลัก บริเวณ 89.062 จุดโดยตลาดไม่ได้ตอบสนองต่อถ้อยแถลงของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯในช่วงเช้าวันนี้มากนัก
นายทรัมป์ได้มีการเรียกร้องงบประมาณจำนวน 1.5 ล้านล้านเหรียญ สำหรับการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงกระตุ้นให้ทีมบริหารของเขาเร่งดำเนินการเจรจาสนธิสัญญาทางการค้าให้ประสบความสำเร็จ ขณะที่ยังคงแสดงท่าทีแข็งกร้าวต่อการอพยพเข้าประเทศอย่างผิดกฏหมาย
ด้านค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้น 0.2% บริเวณ 1.2423 ยูโร/ดอลลาร์
• รัฐบาลจีนประกาศแผนควบคุมภาวะมลพิษในอากาศเพิ่ม โดยจะเข้าคุมเข้มภาคอุตสาหกรรมมากขึ้นในระยะเวลา 2 ปี จนถึงปี 2020 หลังจากที่รัฐบาลจีนได้ดำเนินมาตรการควมคุมมลพิษ ติดต่อกันมาถึง 5 ปี และสามารถลดระดับมลพิษได้ตามเป้าเมื่อเดือนที่ผ่านมา
• รัฐมนตรีการคลังแห่งเกาหลีใต้เผย รัฐบาลยังไม่มีแนวคิดที่จะระงับการซือขายสกุลเงินดิจิทัลภายในประเทศในตอนนี้ จึงช่วยหนุนกระแสคาดการณ์ว่า การซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลในตลาดเกาหลีเหนือจะไม่ถูกระงับโดยรัฐบาล เหมือนอย่างตลาดจีน
• ภาคการผลิตจีนชะลอตัวลงกว่าคาดในเดือนม.ค. แตะระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือน ท่ามกลางการชะลอตัวในตลาดอสังหาริมทรัพย์ และกฎหมายควบคุมมลพิษทางอากาศในภาคอุตสาหกรรมการผลิต
โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดบริเวณ 51.3 จุด ในเดือนม.ค. จากระดับ 51.6 ในเดือนก่อนหน้า แต่ภาพรวมของดัชนีที่ยังยืนเหนือ 50 จุด นั้นยังคงส่งสัญญารถึงภาวะการขยายตัวได้ในภาคการผลิต
• คาดเฟดคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมคืนนี้ ขณะเดียวกันก็น่าจะส่งสัญญาณค่อยๆปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปลายปีนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯขยายตัวอย่างต่อเนื่องและภาคแรงงานยังคงแข็งแกร่ง
เหล่านักลงทุนให้ความสนใจไปยังมุมมองอัตราเงินเฟ้อของเฟด ที่ปัจจุบันยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 2% น่าจะมีการประเมินแนวโน้มทางเศรษฐกิจและผลกระทบจากกฎหมายปฏิรูปภาษีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่าจะหนุนเศรษฐกิจได้หรือไม่
ขณะเดียวกัน ตลาดรอดูถ้อยแถลงของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดคนปัจจุบันที่จะดำรงตำแหน่งในการประชุมวาระนี้เป็นครั้งสุดท้ายและตลอดภายใต้การดำรงตำแหน่งของเธอในระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา สภาพเศรษฐกิจมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 10 ล้านตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงานปรับตัวลดลงแตะรับต่ำสุดในรอบ 17 ปี ที่ระดับ 4.1% โดยที่อัตราดอกเบี้ยค่อยๆปรับตัวสูงขึ้นจากระดับ 0% ในช่วงภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจปี 2007-2009
• ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงติดต่อกัน 3 วันทำการ หลังจากที่ข้อมูลภาคอุตสาหกรรมน้ำมันปรับตัวขึ้นเกินคาดในสัปดาห์หน้า ขณะที่เกิดแรงเทขายขึ้นในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ, ตลาดหุ้น และตลาดพันธบัตร จึงยิ่งเพิ่มภาวะขาลงให้ตลาดน้ำมัน
น้ำมันดิบ Brent ปรับตัวลง 22 เซนต์ หรือคิดเป็น -0.3% ที่ระดับ 68.80 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากลงไปทำระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลง 31 เซนต์ หรือคิดเป็น -0.5% ที่ระดับ 64.19 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่ลงไปทำระดับต่ำสุดในรอบเกือบสัปดาห์