• ตลาดหุ้นดาวโนส์ปิดลดลง 1,175.21 จุด หรือคิดเป็น -4.6% ที่ระดับ 24,345.75 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดลดลง 113.19 จุด หรือคิดเป็น -4.10% ที่ระดับ 2,648.94 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดลดลง 273.42 จุด หรือคิดเป็น -3.78% ที่ระดับ 6,967.53 จุด
ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดปรับตัวลงท่ามกลางการซื้อขายที่มีความผันผวนค่อนข้างมากในตลาด อันจะเห็นได้จากดัชนีดาวโจนส์และ S&P500 ที่ปิดร่วงกว่า 4% หรือเป็นอัตราการปรับตัวลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่ส.ค. ปี 2011 โดยดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงระดับรายวันที่มากที่สุดเป็นประวัติศาสตร์เกือบ 1,600 จุดในช่วงระหว่างการซื้อขาย จึงฉุดให้ภาพที่แข็งแกร่งของตลาดหุ้นปีนี้นั้นอ่อนแรงลง
ขณะที่ภาพรวมหุ้นกลุ่มต่างๆเมื่อวานนี้ จะเห็นได้ถึงแรงขายอย่างหนักที่เข้ามาในหุ้นกลุ่มการเงิน กลุ่มสุขภาพ และอุตสาหกรรม จึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ฉุดให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวลงตาม
• ทางด้านรอยเตอร์ส ชี้ การเทขายเมื่อวานนี้มาจากความกังวลเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรและเงินเฟ้อ ประกอบกับข้อมูลแรงงานสหรัฐฯที่เพิ่งประกาศออกมาอย่างแข็งแกร่ง จะเป็นตัวเร่งให้เฟดสามารถปรับขึ้นดอกเบี้ยได้มากกว่าที่คาดการณ์ปีนี้
• นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่า ภาวะขาขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐฯที่เกิดขึ้นนั้นมาจากรายงานผลประกอบการที่สดใสของบริษัทในสหรัฐฯ ประกอบกับแผนปฏิรูปภาษีของนายทรัมป์ ขณะที่ภาวะขาลงมาจากแรงขายเพื่อเปิดสถานะ Short จากมุมมองที่ว่าตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นเกิน จึงมีแนวโน้มจะปรับตัวลดลงมา ประกอบกับการฟื้นตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯที่เป็นผลมาจากการที่ธนาคารกลางต่างๆจะทำการถอนหรือลดนโยบายผ่อนคลายทางการเงินในอีกไม่กี่ปีนี้
• ดัชนีมาตรวัดความผันผวนหรือ VIX ปิดปรับตัวขึ้นได้กว่า 20 จุด ที่ระดับ 30.71 จุด ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ส.ค. ปี 2015