ราคาทองคำปรับตัวขึ้นในช่วงปลายตลาดวานนี้ ท่ามกลางตลาดหุ้นสหรัฐฯที่อ่อนตัวลงอย่างหนักจากแรงเทขายที่เข้ามา จึงทำให้ทั้งดัชนี S&P500 และดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงภายในไม่กี่นาที โดยนักวิเคราะห์บางส่วน ชี้ว่า แนวทางการคุมเข้มทางการเงินของเฟดที่มากขึ้นได้เป็นปัจจัยที่ฉุดให้หุ้นปรับตัวลง
ประธานบริษัทของ Blue Line Futures กล่าวว่า สิ่งที่เรากำลังเห็นต่อการตอบรับของตลาดในสัปดาห์ที่แล้ว คือการที่เฟดจะเปลี่ยนผู้นำคนใหม่ ที่อาจนำไปสู่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้รวดเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ ท่ามกลางข้อมูลการจ้างงานและการเพิ่มขึ้นของค่าแรงที่แข็งแกร่ง ประกอบกับประมาณการณ์จีดีพีที่แข็งแกร่งในไตรมาสที่ 1/2018 และทั้งหมดนี้จะเป็นปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจขยายตัว และคาดการณ์กันว่าเงินเฟ้อจะปรับตัวสูงขึ้นกว่าที่ตลาดประเมินไว้ จึงทำให้ค่าเงินดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ตลาดหุ้นที่ปรับตัวขึ้น และดูเหมือนจะเริ่มมีการปรับสถานะการลงทุน
การร่วงลงของดาวโจนส์กว่า 1,175 จุด หรือคิดเป็น -4.6% ควบคู่กับดัชนี S&P500 ที่ร่วงลงประมาณ 5% และปิดตลาด -4.1% ท่ามกลางมาตรวัดความผันผวนหรือดัชนี VIX ที่ทำระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ปีครึ่ง
นักเศรษฐศาสตร์ประจำ CIBC World Markets อธิบายสภาวะดังกล่าวว่าเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจากการ “Panic” ที่ไหลเข้าสู่ตลาดหุ้น และทำให้ทองคำได้รับอานิสงส์จากภาวะดังกล่าว
แต่ก็ยังมีหลายฝ่ายที่ระบุว่า ราคาทองคำดูจะปรับตัวขึ้นได้เพียงเล็กน้อยในเวลานี้ เป็นลักษณะขาขึ้นอย่างจำกัด แม้ว่าตลาดหุ้นจะเจอแรงขาย แต่ก็เป็นผลมาจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งมากขึ้นควบคู่กับการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์
สรุปได้ว่า ราคาทองคำในตอนนี้กำลังเริ่มตอบรับกับสภาวะดังกล่าว แต่อาจตอบรับได้ไม่มากนักจาการร่วงลงหนักของตลาดหุ้น โดยได้รับอุปสรรคจากการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์และการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่เป็นปัจจัยที่จำกัดการปรับตัวขึ้นของทองคำในเวลานี้
ที่มา: Kitco