MTS Help Center

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดความผันผวนในตลาดจากการที่รัฐบาลสหรัฐฯความพยายามผลักดันร่างกฏหมายงบประมาณฉบับใหม่ เพื่อป้องกันภาวะ Shutdown โดยร่างกฏหมายดังกล่าวจะเพิ่มงบประมาณสำหรับโครงการต่างๆของภาครัฐ โดยเฉพาะด้านการทหาร รวมประมาณ 3 แสนล้านเหรียญเป็นระยะเวลา 2 ปี

แม้ร่างกฏหมายจะสามารถผ่านการลงมติในสภา และยุติภาวะ Shutdown ที่เกิดขึ้นในระยะเวลาสั้นๆ แต่ตลาดกลับกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจตามมาในอนาคต ซึ่งก็คือการที่ยอดขาดดุลของรัฐบาลอาจเพิ่มสูงขึ้น รวมกับผลกระทบจากนโยบายปฏิรูปภาษีที่คาดการณ์ไว้ที่ประมาณ 1 ล้านล้านเหรียญภายในระยะเวลา 10 ปี

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์จาก Capital Economics ประเมินว่าผลกระทบจากนโยบายทั้ง 2 ของรัฐบาลอาจหนุนให้ GDP สหรัฐฯเติบโตขึ้นจากระดับ 3.4% ในปัจจุบัน สู่ระดับมากกว่า 5% ภายในช่วงสิ้นปี 2018 นี้

อย่างไรก็ตาม นโยบายการเงินดังกล่าวอาจเป็นปัจจัยกดดันเศรษฐกิจในปี 2020 ได้ หากรัฐบาลไม่สามารถหาข้อตกลงเพื่อหนุนการใช้จ่ายภายในประเทศได้

นอกจากนี้ บรรดาสถาบันการเงินชั้นนำต่างๆ ยังได้คาดการณ์การเติบโตของ GDP สหรัฐฯ ภายในปี 2018 นี้ ว่าจะแข็งแกร่งขึ้นเช่นเดียวกัน ได้แก่ Goldman Sachs ที่คาดว่า GDP ในไตรมาสที่ 4/2018 จะขยายตัวได้ 2.6% ขณะที่ เฟดสาขาแอตแลนต้าคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯในไตรมาสที่ 1/2018 จะขยายตัวที่ 4% แม้จะน้อยกว่าคาดการณ์เดิมที่ 5.4% ก็ตาม

นักวิเคราะห์จาก Capital Economics ยังได้คาดการณ์อีกว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2018 นี้ ทั้งหมด 4 ครั้ง ซึ่งมากกว่าที่เฟดคาดการณ์เองไว้ที่ 3 ครั้ง พร้อมระบุว่า การปรับอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งภายในปีนี้นั้น มีความเป็นไปได้สูง เมื่อพิจารณาจากท่าทีคุมเข้มทางการเงินของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด รวมถึงสัญญาณการขยายตัวของอัตราเงินเฟ้อ

ที่มา: CNBC