• ราคาทองคำปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 4 วันทำการ จากการอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์ที่ปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ จากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากระดับหนี้ของสหรัฐฯและการปรับลดภาษี
• ราคาทองคำตลาดโลกปรับขึ้นมาบริเวณ 1,352.81 เหรียญ หลังจากขึ้นไปทำระดับสูงสุดนับตั้งแต่ 1,357.08 เหรียญ นับตั้งแต่ 25 ม.ค. โดยปรับขึ้น 1.6% ซึ่งเป็นระดับการปรับขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ พ.ค. ปี 2017
• สัญญาทองคำส่งมอบเดือนเม.ย. ปิดลดลง 2.7 เหรียญ หรือคิดเป็น -0.2% ที่ระดับ 1,355.3 เหรียญ
• กองทุน SPDR ทำการเทขายทองคำ 2.36 ตัน โดยปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 821.3 ตัน
• นักวิเคราะห์จาก RBC Wealth Management กล่าวว่า ระดับหนี้จำนวนมากอาจเป็นปัจจัยหลักต่อเงินเฟ้อ เนื่องจากจะส่งสัญญาณการปรับขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งการปรับขึ้นดอกเบี้ยอาจตามมาจากแรงกดดันเงินเฟ้อ อันป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายการปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐานจำนวน 1.5 ล้านล้านเหรียญ รวมทั้งการก่อสร้างอาคารใหม่ในรัฐฟลอริดา, รัฐเท็กซัส, รัฐแคลิฟอร์เนีย และเปอโตริโก หลังได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติเมื่อปีที่แล้ว
• นักวิเคราะห์บางส่วนกังลต่อการขยายตัวของยอดขาดดุลสหรัฐฯที่จะมาจากแผนปฏิรูปภาษี และการที่ธนาคารกลางต่างๆทั่วโลกที่จะดำเนินการลดนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน จึงเป็นปัจจัยที่กดดันต่อค่าเงินดอลลาร์
• BMI Research มองว่าทองคำจะเคลื่อนไหวทรงตัว เนื่องจากมีสัญญาณที่ผสมผสานกันค่อนข้างมากในตลาดการเงิน โดยระดับแนวต้านสำคัญของทองคำจะอยู่ที่ 1,375 เหรียญ ซึ่งเป็นสูงสุดเดิมเมื่อปี 2016 และดูเหมือนมีโอกาสจะยืนเหนือได้และทำให้ภาพระยะสั้นกลับมาเป็นขาขึ้นได้อีกครั้ง
• ราคาซิลเวอร์ปิด -0.2% ที่ระดับ 16.83 เหรียญ ขณะที่ราคาพลาเดียมปิด +1.2% ที่ระดับ 1,012.5 เหรียญ และราคาแพลทินัมปิด -0.06% ที่ระดับ 995.99 เหรียญ