• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2561

    22 กุมภาพันธ์ 2561 | Economic News


 

• รายงานประชุมเฟดวาระ 30-31 ม.ค. แสดงให้เห็นว่า สมาชิกเฟดมีความมั่นใจมากขึ้นในการคงแนวทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวาระล่าสุด ซึ่งสมาชิกเฟดส่วนใหญ่เชื่อว่าเงินเฟ้อน่าจะปรับตัวสูงขึ้นได้ และทำให้ตลาด คาดการณ์กันว่า ภายใต้การนำของประธานเฟดคนใหม่อย่าง นายเจอโรม โพเวลล์ เราจะเห็นถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้านี้

ทั้งนี้ ในรายงานการประชุม ระบุถึงความเห็นพ้องของสมาชิกเฟดที่ว่า แนวโน้มเศรษฐกิจในระยะสั้นมีความแข็งแกร่ง จึงเพิ่มโอกาสการและดูจะเป็นเรื่องเหมาะสมในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป ประกอบกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งจะช่วยหนุนเงินเฟ้อให้สามารถปรับขึ้นได้ในปีนี้ ซึ่งสมาชิกเฟดโดยส่วนใหญ่คาดว่าเงินเฟ้อจะสามารถแตะเป้าหมาย 2% ได้ในระยะกลาง จากแนวโน้มเศรษฐกิจที่เป็นไปอย่างแข็งแกร่งประกอบกับตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งด้วยเช่นกัน

• รายงานจาก CNBC ชี้ว่า ตลาดโดยส่วนใหญ่คาดว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% ในการประชุมเดือนมี.ค. สู่กรอบเป้าหมาย 1.5 – 1.75% โดยคงรูปแบบการปรับขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ท่ามกลางการทยอยลดพันธบัตรในพอร์ตที่เฟดถือครองไว้ หรือยอดงบดุลของเฟดนั่นเอง

• เมื่อคืนนี้ นายแพทริก ฮาเกอร์ ประธานเฟดสาขาฟิลาเดเฟีย กล่าวว่า เขายังมีความคิดว่าเฟดควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้งในปีนี้ แต่ก็พร้อมจะเปิดกว้างสำหรับโอกาสการปรับขึ้นดอกเบี้ยที่มากขึ้นหากจำเป็น ขณะที่อัตราเงินเฟ้อมีโอกาสปรับขึ้นสู่ระดับเป้าหมาย 2% ได้ในช่วงสิ้นปี 2019 รวมทั้งอัตราการว่างงานอาจปรับลดลงสู่ 3.6% ได้ในช่วงกลางปี 2019 เช่นกัน สำหรับภาพรวมการขยายตัวทางเศรษฐกิจนั้นเขาคิดว่าจะขยายตัวได้ 2.5% ในปีนี้ และชะลอตัวลงแถว 2% ในปีหน้า และอาจเห็นการขยายตัวทางเศรษฐกิจต่ำกว่า 2% ในปี 2020 ได้

• รายงานจาก Thomson Reuters แสดงให้เห็นว่า โอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้นมาสู่ระดับ 93.5% และมองโอกาสเฟดขึ้นดอกเบี้ยปีนี้ได้จำนวน 3 ครั้ง

• ค่าเงินดอลลาร์ปรับขึ้นทำระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์อีกครั้ง จากการปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้น และรายงานประชุมเฟดที่สะท้อนถึงความมั่นใจมากขึ้นต่อแนวทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยดัชนีดอลลาร์ปรับขึ้นมา 0.37% ที่ระดับ90.046 จุด หลังจากไปทำระดับสูงสุดในช่วงต้นสัปดาห์บริเวณ 90.134 จุด ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 2 ปีของสหรัฐฯปรับขึ้นแตะ 2.27% หลังขึ้นไปทำระดับสูงสุดในรอบ 9 ปีบริเวณ 2.282% ในช่วงต้นตลาด

• ค่าเงินยูโรปรับอ่อนค่าลงหลังทราบรายงานผลสำรวจดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (PMI) ขั้นต้นในเดือนก.พ. ที่พบว่าออกมาแย่กว่าที่คาดการณ์ ขณะเดียวกันนักลงทุนก็รอคอยการประชุมอีซีบีในวันนี้ด้วยว่าจะเริ่มต้นลดการเข้าซื้อพันธบัตรในเร็วๆนี้หรือไม่ โดยค่าเงินยูโรทรงตัวบริเวณ 1.2276 ดอลลาร์/ยูโร

• ค่าเงินปอนด์ปรับแข็งค่าขึ้นปานกลางจากระดับอ่อนค่ามากที่สุดในรอบ 1 สัปดาห์เมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ หลังจากที่ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากบีโออี ระบุว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจำเป็นที่จะต้องเกิดขึ้นเร็วกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้เพื่อให้เงินเฟ้อขยายตัวได้ตามเกณฑ์ โดยค่าเงินปอนด์ทรงตัวบริเวณ 1.3959 ดอลลาร์/ปอนด์

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่า การเพิ่มขึ้นอย่างไม่คาดคิดของอัตราว่างงานในอังกฤษที่ระดับ 4.4% จากระดับ 4.3% อาจสร้างผลกระทบเชิงลบได้ แต่ก็ไม่น่าจะส่งผลให้คาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของบีโออีในเดือนพ.ค. นั้นเปลี่ยนแปลงไป

• นายแซม นันเบิร์ก อดีตที่ปรึกษาของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะเข้าให้ปากคำต่อคณะสืบสวนพิเศษภายในคืนนี้ เกี่ยวกับการสืบสวนคดีความเกี่ยวข้องระหว่างรัสเซียและการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯเมื่อปี 2016

ทั้งนี้ นายนันเบิร์ก ได้ทำงานร่วมกับนายทรัมป์ตั้งแต่ปี 2011 ก่อนที่จะถูกปลดออกจากตำแหน่งในปี 2015

• ราคาน้ำมันดิบปิดเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยก่อนทราบข้อมูลสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯที่ถูกคาดว่าจะปรับตัวขึ้น ท่ามกลางค่าเงินดอลลาร์ที่ปรับแข็งค่าจากระดับต่ำสุดรอบ 3 ปีในสัปดาห์ที่แล้ว โดยราคาน้ำมันดิบ Brent ปิด +0.3% ที่ระดับ 65.42 เหรียญ/บาร์เรล ทางด้านน้ำมันดิบ WTI ปิด -0.2% ที่ระดับ 61.68 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่เคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 60.92 – 61.86 เหรียญ/บาร์เรล


Related
บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com