• ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลง ท่ามกลางกระแสคาดการณ์เกี่ยวกับการปรัขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดที่เร็วกว่าที่คาด กดดันความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงลดลงทั่วโลก
ทั้งนี้ ดัชนี Stoxx 600 ปรับลง 0.65% ขณะที่ตลาดส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนลบ
• ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่เคลื่อนไหวตามดัชนี S&P500 ที่ปรับตัวลดลง เนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้เร็วกว่าที่คาดส่งผลให้ความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกลดลง
ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลง 0.8% ขณะที่ตลาดส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนลบ
• ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลดลง หลังหุ้นสหรัฐฯร่วงลงเมื่อคืนนี้ ท่ามกลางกระแสคาดการ์ที่ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้เร็วกว่าที่คาด ขณะที่หุ้นบริษัทริโก้ (Ricoh) ร่วงลงหลังมีรายงานว่ากำลังพิจารณา ค่าใช้จ่ายด้อยค่าสินทรัพย์ (Impairment charge)
ทั้งนี้ ดัชนี Nikkei ปิด-1.1% ท่ะรดับ 21,736.44 จุด
• ตลาดหุ้นจีนปรับตัวสูงขึ้นทำสถิติสูงสุดในรอบ 18 เดือน จากการที่นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นหลังจากวันหยุดในช่วงตรุษจีน นำโดย หุ้นกลุ่มผู้บริโภคและหุ้นกลุ่มขนส่ง
ทั้งนี้ ดัชนี Shanghai Composite ปิด+2.17% ที่ระดับ 3,268.73 จุด
• ผู้ว่า ธปท. ย้ำพื้นฐานเศรษฐกิจไทยแข็งแกร่งรองรับผันผวนตลาดเงินตลาดทุนโลกผันผวนได้ พร้อมเตือนนักลงทุนอย่าชะล่าใจยามตลาดผันผวนต่ำ ระบุให้นึกถึง Market correction เป็นบทเรียน
ขณะที่ กรณีที่หากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องนั้น ยืนยันว่า ประเทศไทยคงไม่จำเป็นต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยตามในทันที เพราะในแต่ละประเทศมีพื้นฐานของเศรษฐกิจที่แตกต่างกัน ส่งผลให้การดำเนินนโยบายทางการเงินจำเป็นต้องแตกต่างกันเช่นเดียวกัน และจะต้องคำนึงถึงปัจจัยภายในประเทศเป็นหลัก