
• ดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้น 0.1% เมื่อเทียบกับเงินสกุลหลัก บริเวณ 90.099 จุด โดยทำจุดสูงสุดที่ 90.116 ซึ่งเป็นระดับศูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ จึงเป็นการปรับแข็งค่าขึ้นจากระดับต่ำสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมากว่า 2.2% จากแรงหนุนที่บรรดาสมาชิกเฟดดูมีความเชื่อมั่นต่อการปรับขึ้นดอกเบี้ยมากขึ้น
ขณะที่ค่าเงินเยนเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ปรับแข็งค่าลงมา 0.4% ที่บริเวณ 107.36 เยน/ดอลลาร์
ด้านค่าเงินยูโร หลังจากอ่อนค่าลงไปทำระดับต่ำสุดของวันที่ 12 ก.พ. ที่ระดับ 1.2265 ดอลลาร์/ยูโร ในช่วงตลาดก่อนหน้า ล่าสุด ค่าเงินยูโรทรงตัวแถวบริเวณ 1.2277 ดอลลาร์/ยูโร
• CNBC ชี้ว่า ตลาดมีการคาดการณ์กันว่าเฟดจะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้จำนวน 3 ครั้งในปีนี้ โดยมีโอกาสเพียง 30% ที่เฟดจะขึ้นได้จำนวน 4 ครั้ง
• รายงานจาก Thomson Reuters แสดงให้เห็นว่า โอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้นมาสู่ระดับ 93.5% และมองโอกาสเฟดขึ้นดอกเบี้ยปีนี้ได้จำนวน 3 ครั้ง
• นายแอนดี้ ฮาลเดน หัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจประจำธนาคารกลางอังกฤษหรือบีโออี เผย บีโออีอาจมีความจำเป็นต้องมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่นักลงทุนคาดการณ์ไว้
• นายนีล คาร์ชคาริ ประธานเฟดสาขามินนีแอโพลิส กล่าวว่า ความหวังที่ดีที่สุดในเวลานี้สำหรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจคือของแผนปฏิรูปภาษีฉบับยกเครื่องของนายทรัมป์ด้วยมูลค่า 1.5 ล้านล้านเหรียญ ที่จะมายกระดับภาคการลงทุนและภาคการผลิตให้ขยายตัวขึ้น แต่ก็ยังไม่แน่ชัดว่าแผนดังกล่าวจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐฯขยายตัวได้รวดเร็วเพียงใด
อย่างไรก็ดี เขาได้กล่าวในเชิงที่ไม่รับรองว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะส่งผลใดๆต่อภาคการลงทุน แต่ก็ได้เพียงหวังให้เป็นผลดี และส่งผลเชิงบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯเป็นวงกว้าง
• นายแรนดัล ควอเลส หนึ่งในสมาชิกบอร์ดบริหารของเฟด กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับเป้าหมายเพียงเล็กน้อย จึงไม่น่ามีผลต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคต
อย่างไรก็ดี จะเห็นได้ว่า เฟดมีการประมาณการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจำนวน 3 ครั้งในปีนี้ ขณะที่ถ้อยแถลงของสมาชิกเฟดรายดังกล่าวล่าสุด สะท้อนว่า เขาเป็นหนึ่งในผู้ที่จะสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป พร้อมเชื่อว่าเงินเฟ้อจะปรับตัวขึ้นสู่ระดับเป้าหมาย 2% ได้
• ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง โดยมีแรงกดดันมาจากแข็งค่าของเงินดอลลาร์ แม้จะมีรายงานว่าปริมาณน้ำในในคลังสหรัฐฯจะปรับลดลงก็ตาม
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับลดลง 0.9% บริเวณ 61.15 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับลดลง 0.7% บริเวณ 64.94 เหรียญ/บาร์เรล