• นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด กล่าวถ้อยแถลงต่อคณะกรรมาธิการด้านกำกับดูแลภาคการเงินของสภาผู้แทนราษฎร โดยระบุถึงภาวะเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง จึงตอกย้ำมุมมองนักลงทุนเกี่ยวกับโอกาสการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดจำนวน 4 ครั้งในปีนี้
ทั้งนี้ เขาระบุถึงแผนการปรับขึ้นดอกเบี้ยจำนวน 3 ครั้งในปีนี้ตามคาดการณ์เดิมของเฟดในเดือนธ.คปีที่แล้ว ที่อาจมีแนวโน้มปรับขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเป็น 4 ครั้งได้ หลังจากที่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จากการปรับลดภาษีและการเพิ่มค่าใช้จ่ายภาครัฐฯ
อย่างไรก็ดี การปรับประมาณการณ์ของเฟดในการประชุม 20 – 21 มี.ค. จะต้องพิจารณาปัจจัยทุกอย่างที่เกิดขึ้น และเฟดจำเป็นที่จะต้องจับตาภาวะไร้สมดุลในระบบการเงิน ที่ ณ ปัจจุบันนี้ยังไม่มีแนวโน้มจะส่งผลกระทบใดๆ ขณะเดียวกันเขาไม่มีความกังวลใดๆต่อความผันผวนของตลาดหุ้นที่ผ่านมา และมองว่าน่าจะไม่ส่งผลกระทบใดๆต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ และการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด
•ถ้อยแถลงประธานเฟดคนใหม่ ส่งผลให้เหล่าเทรดเดอร์เพิ่มกระแสคาดการณ์กันว่าเฟดจะทำการปรับขึ้นดอกเบี้ยได้จำนวน 4 ครั้งปีนี้ หลังจากที่ข้อมูลเงินเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งได้หนุนความมั่นใจของเขาต่อภาวะเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ เฟดถูกคาดว่าจะทำการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมี.ค. ซึ่งการประชุมวาระนี้จะมีการเปิดเผยคาดการณ์ฉบับใหม่ของเฟด ประกอบไปด้วยมุมมองเกี่ยวกับความเหมาะสมในการปรับขึ้นดอกเบี้ย ที่คาดการณ์ฉบับธ.ค. บ่งชี้ว่าปีนี้จะขึ้นได้จำนวน 3 ครั้งปีนี้
• ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นทำระดับสูงสุดรอบ 3 สัปดาห์วานนี้ หลังประธานเฟดคนใหม่กล่าวย้ำถึงความตั้งใจที่อาจปรับขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น หากจำเป็นที่จะช่วยปกป้องเศรษฐกิจจากภาวะ Overheating เพื่อให้เศรษฐกิจขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าเขาจะเน้นย้ำถึงแนวทางการปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปก็ตาม
ดัชนีดอลลาร์ปรับขึ้น 2.5% นับตั้งแต่ลงไปทำระดับต่ำสุดรอบ 3 ปีเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยดัชนีดอลลาร์ทรงตัว 90.356 จุด หลังจากไปทำ High รอบ 3 สัปดาห์ที่ระดับ 90.498 จุด
ค่าเงินยูโรร่วงลงทำระดับต่ำสุดรอบ 3 สัปดาห์บริเวณ 1.2231 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่ค่าเงินเยนอ่อนค่า 107.36 เยน/ดอลลาร์
•นักกลยุทธ์การตลาดอาวุโสจาก BNY Mellon แสดงความคิดเห็นว่า ถ้อยแถลงและการตอบข้อซักถามของประธานเฟดเมื่อคืนนี้ ดูจะให้น้ำหนักไปยังการคุมเข้มทางการเงินเพิ่มขึ้น หากข้อมูลเศรษฐกิจยังคงปรับขึ้นต่อเนื่อง ถึงแม้บางช่วงของเศรษฐกิจสหรัฐฯจะเผชิญกับความผันผวนที่ผ่านมา แต่นายโพเวลล์ก็มองว่าภาพรวมยังมีแรงหนุนจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของนายทรัมป์และการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก
•รายงานจากเฟดสาขาแอตแลนต้า ปรับประมาณการเศรษฐกิจสหรัฐฯไตรมาสแรกจะออกมาที่ประมาณ 2.6% จากคาดการณ์เดิมเมื่อวันที่ 16 ก.พ. ที่ระดับ 3.2%
•ผลการประกาศยอดคำสั่งซื้อใหม่ของสหรัฐฯร่วงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ในเดือนม.ค. แม้ว่าจะมียอดขนส่งที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่การอ่อนตัวลงดังกล่าวชี้ให้เห็นว่าการใช้จ่ายค่าอุปกรณ์ในภาคธุกิจชะลอตัวลงหลังจากที่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในปี 2017
•ตลาดหุ้นทั่วโลกอ่อนตัวลงท่ามกลางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่ปรับตัวขึ้น จากกระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยได้มากกว่าคาดการณ์ในปีนี้ พร้อมกันนี้ประธานเฟดคนใหม่ยังกล่าวถึงภาวะเงินเฟ้อที่แข็งแก่รงขึ้นนับตั้งแต่เดือนธ.ค.ที่ผ่านมา จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้น ขณะที่ตลาดหุ้นปรับตัวลง
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ทะยานขึ้นเหนือ 2.9% ท่ามกลางตลาดหุ้นยุโรปและสหรัฐฯที่กับมาปรับตัวลง ประกอบกับดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่นก็ร่วงลงเกือบ 1%
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรเยอรมนีปรับขึ้น 0.677% หลังจากที่อ่อนตัวไปจากข่าวเงินเฟ้อเยอรมนีชะลอตัว
•น้ำมันดิบปิดปรับตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 5 วันทำการ โดยถูกกดดันจากการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์ และกระแสคาดการณ์ที่ว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯจะเพิ่มสูงขึ้น โดยน้ำมันดิบ Brent ปิดลดลง 87 เซนต์ ที่ระดับ 66.63 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 90 เซนต์ ที่ระดับ 63.01 เหรียญ/บาร์เรล