นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯมีแผนที่จะเพิ่มอัตราภาษีของสินค้านำเข้าประเภทโลหะและอลูมิเนียม ซึ่งนโยบายนี้อาจช่วยหนุนบรรดาผู้ผลิตภายในประเทศได้ แต่อาจทำให้อัตราเงินเฟ้อขยายตัว ชะลอการเติบโตของเศรษฐกิจ และชักนำให้บรรดาผู้นำประเทศอื่นๆต่อต้านภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐฯได้
ปัจจัยเสี่ยงที่ยกมาข้างต้น เป็นปัจจัยที่กดดันตลาดหุ้นและทำให้เกิดแรงเทขายตามมาอย่างหนัก ท่ามกลางความสับสนว่านายทรัมป์จะดำเนินการเช่นนั้นจริงหรือไม่ หลังจากนั้นนายทรัมป์ก็ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะมีการเพิ่มภาษีของเหล็กนำเข้าอีก 25% และอลูมิเนียมอีก 10%
นักวิเคราะห์จาก B. Riley FBR กล่าวว่า สิ่งที่ตลาดกลัวที่สุด คือการเพิ่มภาษีสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ เนื่องจากอาจนำไปสู่สงครามทางการค้า และทำให้การเจรจาNAFTA ล้มเหลว และไม่มีฝ่ายไหนได้ประโยชน์จากสงครามการค้า
ขณะที่ นักวิเคราะห์จาก Jefferies ระบุว่า การเพิ่มอัตราภาษีอาจทำให้ผลกระทบ 2 อย่าง ได้แก่ การเติบโตของเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง และอัตราเงินเฟ้อที่ขยายตัวขึ้น ซึ่งนั่นไม่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสภาวะของเศรษฐกิจในปัจจุบัน
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์บางส่วนยังได้ประเมินว่า การประกาศเพิ่มอัตราภาษีโลหะและอลูมิเนียมนำเข้า แม้จะไม่ได้เป็นการกระตุ้นให้เกิดสงครามทางการค้าโดยตรง แต่อาจเปรียบเสมือนการบุกเบิกให้ประเทศอื่นๆที่เห็นด้วยกับแนวคิดกีดกันการค้า เริ่มกระทำการดังกล่าวเช่นเดียวกัน และขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆ เมื่อนั้น มันจะกลายเป็นสงครามทางการค้าอย่างแท้จริง