· ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลง หลังจากทื่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะกำหนดอัตราภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม ส่งผลให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับภาวะสงครามทางการค้าโลก
ทั้งนี้ ดัชนี Stoxx 600 ปรับลง 0.7% ขณะที่ตลาดส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนลบ
· ตลาดหุ้นเชียปรับตัวลดลงหลังจากที่หุ้นสหรัฐฯร่วงลงเมื่อคืนที่ผ่านมา ท่ามกลางดหล่านักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะสงครามทางการค้า หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะกำหนดอัตราภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม
ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมหุ้นญี่ปุ่น ปรับลง 0.9%
· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลดลงทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 2 สัปดาห์ครึ่ง โดยผู้ผลิตเหล็กและผู้ผลิตรถยนต์ปรับร่วงลง หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า จะกำหนดอัตราภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม ขณะที่เหล่านักลงทุนยังมีความวิตกเกี่ยวกับความคิดเห็นของนายยฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการบีโอเจ ว่าจะพิจารณายกเลิกนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน หากเงินเฟ้อบรรลุเป้าหมายในปี 2019
ทั้งนี้ ดัชนี Nikkei ปิด-2.5% ที่ระดับ 21,181.64 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ. ที่ผ่านมา สำหรับภาพรวมรายสัปดาห์ดัชนีปรับลง 3.2%
· ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลดลง โดยถูกกดดันจากกลุ่มผูผลิตเหล็กและอลูมิเนียม หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะกำหนดอัตราภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม ส่งผลให้เหล่านักลงทุนกังวลเกี่ยวกับภาวะสงครามทางการค้า
ทั้งนี้ ดัชนี Shanghai Composite ปิด-0.6% ที่ระดับ 3,254.53 จุด
· สภาผู้ส่งออก ยังคงคาดการณ์เป้าหมายการส่งออกของไทยในปี 61 อยู่ที่ 5.5% แม้ว่ายอดส่งออกในเดือน ม.ค.61 ขยายตัวที่ระดับ 17.6% (ขยายตัวสูงสุดในรอบ 5 ปี 2 เดือน) เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ขณะที่การนำเข้าในเดือนม.ค.61 ขยายตัว 24.3% ส่งผลให้ขาดดุลการค้าจำนวน 119 ล้านเหรียญ โดยการขาดดุลดังกล่าวมีสาเหตุจากการนำเข้าสินค้าทุนและวัตถุดิบในปริมาณมาก ซึ่งถือเป็นการใช้ประโยชน์จากการแข็งค่าของเงินบาท เพื่อเป็นการควบคุมต้นทุนและส่งเสริมศักยภาพภาคการผลิตในระยะยาว