• ราคาทองคำปรับตัวขึ้นได้ในคืนวันศุกร์จากภาวะความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าทั่วโลกที่เป็นปัจจัยเข้ากดดันตลาดหุ้นและค่าเงินดอลลาร์ให้อ่อนตัวลง รวมทั้งเป็นปัจจัยที่หนุนให้นักลงทุนกลับเข้าถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยแทน
• ราคาทองคำตลาดโดลกปรับขึ้น 0.5% ที่ระดับ 1,322.54 เหรียญ ขณะที่สัญญาทองคำส่งมอบเดือนเม.ย. ปิดปรับขึ้น 18.20 เหรียญ คิดเป็น +1.4% ที่ระดับ 1,323.4 เหรียญ
อย่างไรก็ดี ภาพรวมสัปดาห์ที่ผ่านมาทองคำปรับตัวลงไป 0.5% โดยยังเป็นการปรับตัวลดลงต่อเนื่อง 2 สัปดาห์
• นักกลยุทธ์การลงทุนอาวุโสจาก US Bank Wealth Management กล่าวว่า ภาวะการค้าที่ดูเหมือนจะชะงักงัน และการเรียกเก็บภาษีที่ดูเหมือนจะส่งผลให้เฟดอาจต้องผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อไป เนื่องจากอาจเป็นตัวฉุดรั้งการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ประกอบกับทำให้อัตราดอกเบี้ยแท้จริงนั้นปรับตัวลง รวมไปถึงการอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์ที่จะเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อภาคการค้าของสหรัฐฯ
• นักวิเคราะห์จาก Saxo Bank ระบุว่า แม้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเป็นปัจจัยลบต่อราคาทองคำและมีแนวโน้มที่จะทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นได้ แต่ภาวะสงครามการค้าที่อาจลุกลามไปทั่วโลกจะเป็นปัจจัยที่สร้างความกังวลต่อแนวทางการปรับขึ้นดอกเบี้ย โดยหากสงครามทางการค้าเกิดขึ้นจริง ก็จะทำให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นในขณะที่การขยายตัวทางเศรษฐกิจชะลอตัวลง และนั่นอาจทำให้เฟดต้องลดท่าทีคุมเข้มทางการเงินไปก่อน นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ตลาดทองคำกำลังให้ความสนใจ
• นักวิเคราะห์ทางเทคนิคจาก ScotiaMocatta กล่าวว่า ทองคำมีทิศทางเชิงบวกและยังสามารถยืนได้เหนือระดับสำคัญทางเทคนิคบริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 100 วันที่ 1,300 เหรียญได้ โดยภาพทางเทคนิคระยะสั้นของทองคำจะมีแนวต้านสำคัญซึ่งเป็นระดับเส้นค่าเฉลี่ยราย 50 วันบริเวณ 1,324.6 เหรียญ
• ผลสำรวจทิศทางทองคำของ Kitco ชี้ว่า กลุ่มผู้เชี่ยวชาญกว่า 67% และนักลงทุนกว่า 50% ในตลาดทองทองคำปรับตัวขึ้นได้ในสัปดาห์นี้ จากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจสหรัฐฯและทิศทางของค่าเงินดอลลาร์อันเป็นผลมาจากการประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมของนายทรัมป์
• กองทุน SPDR เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติม โดยยังคงถือครองทองคำที่ระดับ 833.98 ตัน
• ราคาซิลเวอร์ปิด +0.2% ที่ระดับ 16.49 เหรียญ ขณะที่ราคาแพลทินัมปิด -0.2% ที่ระดับ 963.9 เหรียญ และราคาพลาเดียมปิด +0.5% ที่ระดับ 993.8 เหรียญ