• คืนวันศุกร์ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงมากที่สุดเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ โดยลงไปทำระดับอ่อนค่ามากที่สุดรอบกว่า 2 ปี เมื่อเทียบกับค่าเงินเยนที่ระดับ 105.26 เยน/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับอ่อนค่ามากที่สุดนับตั้งแต่ พ.ย. ปี 2016 หลังประธานาธิบดีสหรัฐฯเผยแผนการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมที่อาจนำไปสู่ภาวะสงครามทางการค้าเพิ่มมากขึ้นและอาจเป็นปัจจัยลบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยด้านดัชนีดอลลาร์ร่วงลงไป 0.4% ที่ระดับ 89.957 จุด
แรงขายค่าเงินดอลลาร์ยังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่องจากภาวะสงครามทางการค้า จึงทำให้แนวโน้มของค่าเงินดอลลาร์นั้นเป็นขาลง แม้ว่าในสัปดาห์ที่แล้วจะขึ้นไปทำระดับแข็งค่ามากที่สุดในรอบหลายปีจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯประกอบกับถ้อยแถลงมุมมองทางเศรษฐกิจของ นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด ที่ยังย้ำโอกาสการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจำนวน 3 ครั้งหรือมากกว่าในปีนี้
• ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงในเช้าวันนี้หลัง Exit Polls การเลือกตั้งของอิตาลี แสดงให้เห็นว่าพรรค 5-Star Movement ดูจะได้รับเสียงสนับสนุนที่แข็งแกร่งเกินคาด แต่ก็อาจเผชิญกับภาวะรัฐสภาแขวน (Hung Parliament) หรือภาวะที่ไม่มีพรรคการเมืองพรรคใดชนะเลือกตั้งด้วยจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ได้เสียงเกินครึ่งหนึ่งของที่นั่งในสภา โดยค่าเงินยูโรร่วงลงเล็กน้อย 0.1% ที่ระดับ 1.2309 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ 1.23655 ดอลลาร์/ยูโร
• ผล Exit Poll เบื้องต้นสำหรับการเลือกตั้งในอิตาลีเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา พบว่า ยังไม่มีฝ่ายไหนได้รับเสียงสนับสนุนอย่างเอกฉันท์ โดยพรรคที่ได้รับคะแนนโหวตมากที่สุดคือ พรรคฝ่ายขวากลางของนายซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี อดีตนายกฯอิตาลี ตามมาโดยพรรค Five Star Movement ที่มีแนวคิดเชิงต่อต้านกลุ่มอำนาจเดิม นำโดยนายลุยจิ ดิมาอิโอ ส่งผลให้อิตาลีมีแนวโน้มยังคงต้องประสบกับภาวะไร้อำนาจของรัฐบาลต่อไป
อย่างไรก็ดี ผลการเลือกตั้งฉบับสมบูรณ์ยังคงไม่ถูกเปิดเผยออกมา ซึ่งนักลงทุนในตลาดยังคงเฝ้ารอผลการเลือกตั้งในอิตาลี
• พรรค SPD ของเยอรมนีได้ทำการโหวตภายในพรรค เพื่อตัดสินว่าจะยอมรับข้อเสนอในการก่อตั้งพรรคการเมืองร่วมกับพรรคของนางอังเกลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี หรือไม่เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
โดยผลโหวตออกมาพบว่า สมาชิกกว่า 2 ใน 3 ยอมรับข้อเสนอจากนางแมร์เคล ส่งผลให้ภาวะไร้อำนาจของรัฐบาลเยอรมนีมีแนวโน้มใกล้จะสิ้นสุดลง รวมทั้งโอกาสที่นางแมร์เคลจะสามารถช่วงชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นวาระที่ 4 ก็ดูสดใสมากขึ้น
• นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ แสดงความกังวลค่อนข้างมากเกี่ยวกับแผนการเรียกเก็บภาษีของนายทรัมป์ และรายงานล่าสุดระบุว่า ผู้นำทั้งสองประเทศมีการพูดคุยร่วมกันผ่านทางโทรศัพท์เมื่อวานนี้ โดยนางเมย์มองว่า การดำเนินการแก้ไขแบบพหุภาคีจะเป็นวิธีเดียวในการแก้ไขปัญหาภาวะต้นทุนที่สูงเกินไปในทุกโลก อันจะเป็นประโยชน์แก่ทุกฝ่ายมากกว่า
• เจ้าหน้าที่ระดับสูงในสภาสหรัฐฯ เรียกร้องประธานาธิบดีสหรัฐฯ พิจารณายกเว้นการขึ้นภาษีเหล็กและอลูมิเนียมเฉพาะสินค้าที่นำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดาซึ่งเป็นคู่ค้าภายใต้สนธิสัญญา NAFTA เพื่อลดความตึงเครียดในการเจรจาแก้ไขสนธิสัญญาดังกล่าวที่กำลังดำเนินการในปัจจุบัน
นอกจากนี้ ทางทำเนียบขาวยังได้รับการร้องเรียนจากบรรดาบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ภายในสหรัฐฯ โดยบรรดาบริษัทเรียกร้องให้พิจารณาการออกนโยบายขึ้นภาษีเหล็กและอลูมิเนียมนำเข้าใหม่อีกครั้ง เนื่องจากกังวลว่านโยบายดังกล่าวอาจกดดันให้การดำเนินธุรกิจของพวกเขาต้องพังทลายลง
• นักการทูตอาวุโสจากจีน กล่าวว่า จีนไม่ต้องการให้เกิดสงครามทางการค้าร่วมกับสหรัฐฯ แต่จะทำทุกวิถีทางเพื่อป้องกันผลประโยชน์ของประเทศ หลังจากที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศจะขึ้นอัตราภาษีของเหล็กและอะลูมิเนียม ส่งผลให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มในการค้าเกิดสงครามทางการค้าขึ้นในตลาด
อย่างไรก็ดี ในคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา นายทรัมป์ ได้กล่าวว่า สงครามทางการค้าเป็นเรื่องที่ดี และสหรัฐฯก็จะสามารถเอาชนะได้โดยง่าย
• เกาหลีเหนือมีท่าทีคุกคามและคัดค้านการกระทำของสหรัฐฯ หากสหรัฐฯยังยืนกรานจะร่วมฝึกซ้อมรบกับทางเกาหลีใต้ก็จะไม่มีการเจรจาใดๆเกิดขึ้น
• ในการประชุมรัฐสภาประจำปีของจีนวันนี้ พบว่า จีนยังคงระดับการขยายตัวทางเศรษฐกิจไว้ที่ 6.5% ในปีนี้เช่นเดียวกับปีที่แล้ว หลังจากที่เศรษฐกิจจีนขยายตัวได้ 6.9% ในปีที่ผ่านมา