หากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตัดสินใจดำเนินการเพิ่มภาษีสินค้านำเข้าประเภทเหล็กอีก 25% และอลูมิเนียมอีก 10% จริง โดยไม่มีการละเว้นว่ามาจากประเทศใดๆ นักวิเคราะห์จึงได้ประเมินว่า อาจส่งผลให้บรรดาบริษัทในสหรัฐฯสูญเสียรายได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิตอาหารกระป๋อง หรือไปจนถึงผู้ผลิตรถยนตร์ก็ตาม และจะทำให้ราคาสินค้าเกือบทั้งหมดปรับสูงขึ้นสำหรับผู้บริโภค
ถึงแม้ ณ ปัจจุบัน นายทรัมป์จะยังไม่ได้ให้รายละเอียดของแผนการปรับขึ้นภาษีก็ตาม แต่ตลาดส่วนมากก็คาดการณ์ไว้แล้วว่าการปรับขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม ล้วนแต่จะเป็นผลลบต่อบรรดาผู้ผลิตในประเทศ
ทั้งนี้ ผู้บริหารของ AlixPartners องค์กรที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจ ได้กล่าวว่า การดำเนินการดังกล่าวจะส่งผลให้บรรดาผู้ผลิตเหล็กภายในสหรัฐฯมีผลประกอบการที่ดีขึ้น ขณะที่กลุ่มผู้บริโภคเหล็กในประเทศจะมีผลประกอบการที่ย่ำแย่ลง เนื่องจากกลุ่มผู้ผลิตจะมีอำนาจในการต่อรองราคามากขึ้น หากราคาของเหล็กและอลูมิเนียมนำเข้าสูงขึ้น
นอกจากนี้ บรรดาอุตสาหกรรมรถยนตร์และก่อสร้างในสหรัฐฯ มีแนวโน้มจะเป็นผู้ได้รับผลกระทบมากที่สุด เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีปริมาณอุปสงค์ในเหล็กมากถึง 26% และ 40% ของปริมาณอุปสงค์เหล็กจากทั้งสหรัฐฯ ตามลำดับ
อย่างไรก็ดี เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นายวิลเบอร์ รอส เลขาธิการกระทรวงพาณิชย์แห่งสหรัฐฯ ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว CNBC โดยอ้างว่าการขึ้นภาษีเหล็กและอลูมิเนียมนำเข้า จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯเพียง “เล็กน้อย” เท่านั้น