• นักวิเคราะห์ ชี้ ทิศทางทองสดใสจากภาวะสงครามการค้า!

    5 มีนาคม 2561 | Gold News

นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯกลับมาเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำอีกครั้ง หลังจากที่ราคาทองคำลงไปทำระดับต่ำสุดรอบ 2 เดือน โดยในสัปดาห์นี้ ตลาดทองคำน่าจะได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากความผันผวนของตลาดการเงินและความไม่แน่นอนทางการเมือง ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่รับรู้ต่อสัญญาณความเป็นไปได้ที่อาจเกิดภาวะสงครามทางการค้าทั่วโลก หลังจากที่นายทรัมป์ ได้ประกาศว่าทีมงานของเขาจะทำการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กจำนวน 25% และภาษีนำเข้าอะลูมิเนียมอีก 10%



อ้างอิงความคิดเห็นนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ ระบุว่า ภาวะสงครามการค้าที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นได้ส่งผลให้เกิดแรงเทขายในค่าเงินดอลลาร์ และทำให้นักลงทุนกลับมาจับตาความเป็นไปได้เกี่ยวกับการดำเนินนโยบายคุมเข้มทางการเงินของเฟด เนื่องจากก่อนที่นายทรัมป์จะประกาศแผนเรียกเก็บภาษีนำเข้า โอกาสที่เฟดจะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยดูจะเป็นไปได้มากถึงจำนวน 4 ครั้งในปีนี้ และนั่นทำให้ค่าเงินดอลลาร์ขึ้นไปทำระดับแข็งค่ามากที่สุดในรอบ 6 สัปดาห์ และเข้ากดดันทองคำ

นักวิเคราะห์บางส่วน มองว่า นักลงทุนและเหล่าเทรดเดอร์ให้ความสำคัญไปยังความเป็นไปได้ที่จะเกิดการโต้ตอบจากนานาประเทศไม่ว่าจะเป็นจีน แคนาดา และสหภาพยุโรป ที่น่าจะยิ่งสร้างความผันผวนให้กับตลาดการเงิน และนั่นน่าจะเป็นผลบวกต่อราคาทองคำ

รัฐบาลแคนาดาและอียูส่งสัญญาณอันแข็งกร้าวต่อสหรัฐฯว่า ควรมีการปรับโครงสร้างการเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและสินค้าอะลูมิเนียมของแคนาดา ขณะที่แคนาดาจะหามาตรการตอบโต้เพื่อปกป้องผลประโยชน์ทางการค้าและคนงาน

ขณะที่ประธานคณะกรรมาธิการอียู ขอปฏิเสธต่อการดำเนินการของนายทรัมป์ เนื่องจากการดำเนินการดังกล่าวเป็นเพียงการป้องกันภาคอุตสาหกรรมภายในประเทศของสหรัฐฯ ไม่ได้เป็นการดำเนินการเพื่อความมั่นคงแต่อย่างใด ซึ่งอียูจะตอบโต้ และรักษาผลประโยชน์ในภูมิภาค

นักวิเคราะห์การตลาดจาก CMC Markets แสดงความคิดเห็นว่า การซื้อขายช่วงนี้เป็นไปอย่างร้อนแรง และไม่คิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบเกี่ยวกับทิศทางดอกเบี้ยของเฟดในขณะนี้ แต่จำนวนครั้งในการปรับขึ้นดอกเบี้ยอาจเปลี่ยนแปลงได้ หากเศรษฐกิจทั่วโลกอ่อนแอจากสงครามทางการค้า

นักกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์จาก Saxo Bank กล่าวว่า ไม่เพียงแต่ทองคำจะมีแรงหนุนที่เกิดขึ้น แต่ภาพทางเทคนิคระยะสั้นก็มีแรงเข้าซื้อตามมาด้วย ดังนั้น ทองคำน่าจะยังมีความสนใจในฐานะ Safe-Haven ขณะที่ทีมเศรษฐกิจจาก Saxo Bank มองว่า ความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะชะลอตัวมีโอกาสมากกว่า 50% ซึ่งภาวะการชะลอตัวทางเศรษฐกิจและดัชนีราคาที่เพิ่มสูงขึ้นจะเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ

นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังมองว่า ถึงแม้ตลาดจะผันผวนและมีกระแส “การเก็บภาษีของทรัมป์” เป็นตัวชูโรง แต่ก็น่าจะไม่เพียงพอที่จะทำให้ราคา Break ระดับสูงสุดของปี 2016 บริเวณ 1,375 เหรียญได้

เครื่องมือ Fed Fund Futures ราย 30 วันของ CME Group ประเมินว่า มีโอกาส 29% ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยได้ 3 ครั้งปีนี้ และ 83% สำหรับโอกาสการขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกของปีในการประชุมเดือนนี้

LEVELS TO WATCH!

ราคาทองคำยังผันผวนเหนือแนวรับสำคัญ 1,300 เหรียญ ทำให้นักวิเคราะห์หลายๆฝ่ายให้ความสำคัญไปยังระดับแนวต้านของทองคำ โดยนักวิเคราะห์หลายรายเชื่อว่าแนวต้านแรกจะอยู่ที่ 1,325 เหรียญ และทองคำต้องปิดให้ได้เหนือระดับนี้เพื่อจะดึงดูดให้กลุ่มผู้ซื้อกลับเข้าสู่ตลาดมากขึ้นอีกครั้ง ขณะเดียวกันทองคำมีโอกาสจะดีดกลับขึ้นไปบริเวณ 1,340 เหรียญได้ในระยะสั้น ซึ่งหากผ่านไปได้มีโอกาสเห็นทองคำขึ้นไปทดสอบ 1,366 เหรียญ

ที่มา: Kitco

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com