• ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้นเมื่อวานนี้ หลังจากเผชิญแรงเทขายระยะสั้นจากความไม่แน่นอนของผลการเลือกตั้งอิตาลี แต่ภาพรวมค่าเงินดอลลาร์ได้รับแรงหนุนจากข่าวการจัดตั้งรัฐบาลร่วมของเยอรมนีที่ช่วยผ่อนคลายภาวะความไม่แน่นอนทางการเมือง โดยค่าเงินยูโรปิด +0.11% ที่ระดับ 1.2330 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่ระหว่างวันขึ้นไปทำ High รอบ 2 สัปดาห์ที่ระดับ 1.2365 ดอลลาร์/ยูโร
• นายมัตเตโอ เรนซี อดีตนายกรัฐมนตรีอิตาลี ประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคฝ่ายซ้าย (PD) หลังจากที่พรรคของเขาพ่ายแพ้การเลือกตั้งให้กับพรรค 5-Star Movement และพรรคฝ่ายขวา ตามมาเป็นอันดับที่ 3 ในการเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
โดยแบบสำรวจของสถาบัน RAI ได้คาดการณ์ว่า พรรค 5-Star Movement จะมีที่นั่งในสภาประมาณ 216-236 ที่นั่ง ส่วนพรรคฝ่ายขวาจะมีที่นั่งในสภาประมาณ 248-268 ที่นั่ง ขณะที่พรรคฝ่ายซ้ายจะมีนั่งประมาณ 107-127 ที่นั่ง จากทั้งหมด 630 ที่นั่งในสภา
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้การนับคะแนนเสียงเลือกตั้งจะยังไม่เสร็จสมบูรณ์ โดยในปัจุบันพรรค 5-Star Movement และพรรคฝ่ายขวา มีโอกาสสูงที่จะสามารถครอบครองเสียงข้างมากร่วมกันในรัฐสภาได้ แต่นักวิเคราะห์ก็ออกมาเตือนว่า การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านๆมาของอิตาลี จะเห็นได้ว่าจะมีความผันผวนของคะแนนเสียงค่อนข้างสูง ก่อนที่ผลลัพธ์อย่างเป็นทางการจะถูกประกาศออกมา
• สมาชิกอาวุโสประจำพรรค SPD ของเยอรมนี กล่าวว่า พวกเขาอาจพิจารณายกเลิกการก่อตั้งพรรคร่วมรัฐบาลกับพรรคของนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี หากพวกเขามีการวางแผนนโยบายงบประมาณสำหรับสหภาพยุโรปที่มากเกินจำเป็น
• ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินเยน จากนักลงทุนที่เริ่มผ่อนคลายเกี่ยวกับการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมของนายทรัมป์ โดยดัชนีดอลลาร์กลับขึ้นมาทรงตัวที่ระดับ 90.080 จุดได้อีกครั้ง ขณะที่ค่าเงินเยนกลับมาอ่อนค่าขึ้นบริเวณ 106.32 เยน/ดอลลาร์ หลังจากที่ลงไปทำระดับแข็งค่ามากที่สุดเมื่อคืนนี้บริเวณ 105.34 เยน/ดอลลาร์
• ตัวแทนทางการค้าของสหรัฐฯ เผยว่า แผนการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมของประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีขึ้นเพื่อ “กระตุ้น” ให้แคนาดาและเม็กซิโกสรุปเงื่อนไขข้อตกลง NAFTA กับทางสหรัฐฯ
ขณะที่เจ้าหน้าที่อีกราย กล่าวว่า อาจมีข้อตกลงใหม่แทนที่ NAFTA หากยังไม่เร่งเปิดการเจรจาในเร็วๆนี้ จึงถือเป็นการสร้างแรกดดันเพิ่มขึ้นให้กับทางแคนาดาและเม็กซิโกต่อเนื่อง หลังจากที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทำการเผยแผนเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียม
• ถ้อยแถลงของนายแรนดอล ควอเลส รองประธานเฟดด้านกำกับดูแล ระบุถึง การที่เฟดกำลังพิจารณาการร่างกฎ Volcker Rule ฉบับใหม่ โดยภาคธนาคารสหรัฐฯอาจต้องมีการเปลี่ยนแปลงแนวทางการดำเนินการ เพื่อเป็นการปรับปรุงประสิทธิภาพและลดความซับซ้อนในการห้ามซื้อขายของธนาคาร เพื่อแทนที่กฎเดิมในช่วงวิกฤตทางการเงินปี 2007-2009
• ทางการเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า คณะผู้แทนเกาหลีใต้มีการเข้าพบ นายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือเป็นครั้งแรกเมื่อวานนี้ โดยพวกเขามีความคาดหวังว่าการพูดคุยกันจะเป็นไปด้วยดี และอาจทำให้เกิดการเจรจาร่วมกันระหว่างเกาหลีเหนือและสหรัฐฯได้
โดยทั้งสหรัฐฯและเกาหลีเหนือในขณะนี้ดูจะตั้งใจที่จะคงการเจรจาร่วมกันไว้ก่อน เนื่องจากท่าทีของทางสหรัฐฯยังต้องการให้เกาหลีเหนือยุติการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทางเกาหลีเหนือยังคงปฏิเสธ
• นายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ กล่าวในการเจรจาร่วมกับคณะผู้แทนจากเกาหลีใต้ โดยระบุถึงความตั้งใจจริงที่จะผูกสัมพันธ์ให้เกาหลีมีความแน่นแฟ้น เพื่อสร้างหน้าใหม่ในประวัติศาสตร์ในการรวมกันระหว่างสองประเทศ
• ราคาน้ำมันดิบปิดปรับตัวขึ้นเช่นเดียวกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ จากกระแสคาดการณ์ที่ว่า อุปสงค์น้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น ขณะที่ความกังวลที่ว่าปริมาณผลผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกที่อาจขยายตัวนั้น น่าจะเป็นไปอย่างช้าๆในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
น้ำมันดิบ Brent ปิดขึ้น 1.17 เหรียญ คิดเป็น +1.18% ที่ระดับ 65.54 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 1.32 เหรียญ คิดเป็น +2.2% ที่ระดับ 62.57 เหรียญ/บาร์เรล