• ค่าเงินดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินในกลุ่มสินทรัพย์ Safe-Haven อย่างค่าเงินเยน และสวิสฟรังก์ หลังจากที่ นายแกรี โคห์น ที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของทำเนียบขาว และอดีตนักธนาคารชั้นนำของสหรัฐฯ ประกาศลาออกจากตำแหน่ง เพื่อต่อต้านนโยบายกีดกันทางการค้าภายใต้การบริหารของนายทรัมป์ จึงยิ่งตอกย้ำความกังวลว่า นายทรัมป์ อาจเดินหน้าเรียกเก็บภาษีนำเข้าต่อไปและเสี่ยงที่จะเกิดภาวะสงครามการค้า
ค่าเงินเยนกลับมาแข็งค่าบริเวณ 105.65 เยน/ดอลลาร์ ใกล้ระดับต่ำสุดรอบ 16 เดือนบริเวณ 105.24 เยน/ดอลลาร์ที่ทำไว้ในวันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะที่ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลง 0.67% ที่ระดับ 89.480 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดรอบ 2 สัปดาห์
อย่างไรก็ดี ค่าเงินดอลลาร์ได้รับแรงกดดันเพิ่มจากข่าวที่ทางการเกาหลีใต้ออกมากล่าวว่าในการประชุมครั้งแรกกับทางเกาหลีเหนือ ที่มีท่าทีลดความตึงเครียดทางการเมืองลงไป รวมไปถึงการที่เกาหลีเหนือมีความตั้งใจที่จะเข้าร่วมการเจรจากับสหรัฐฯเพื่อลดการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ และจะระงับการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ในระหว่างการเจรจา
• ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้นแตะ 1.2421 ดอลลาร์/ยูโร ซึ่งเป็นระดับสูงสุดรอบ 2 สัปดาห์ ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ของเหล่าเทรดเดอร์ มีมุมมองว่า อีซีบีอาจมีท่าทีต้องการลดนโยบายผ่อนคลายทางการเงินในการประชุมสัปดาห์นี้ แม้ว่า นายมาริโอ ดรากี้ ประธานอีซีบีจะส่งสัญญาณเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับความจำเป็นในการจะทำเช่นนั้น
• นายแกรี่ โคห์น ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจระดับสูงประจำตัวนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศลาออก ภายหลังจากที่นายโคห์นไม่สามารถโน้มน้าวให้นายทรัมป์พิจารณาระงับการผลักดันนโยบายขึ้นภาษีเหล็กและอลูมิเนียมนำเข้าได
ขณะที่ทางทำเนียบขาวได้ออกมาประกาศว่า การลาออกของนายโคห์น จะมีผลภายในไม่กี่สัปดาห์นี้ แม้จะยังไม่มีการยืนยันวันที่ที่แน่นอนก็ตาม
• นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวย้ำถึงแผนของเขาในการเรียกเก็บภาษีนำเข้าครั้งใหญ่สำหรับเหล็กและอะลูมิเนียม พร้อมกล่าวเตือนสหภาพยุโรปว่า อาจได้รับผลกระทบเป็นลักษณะ “Big Tax” หากไม่มีการทำข้อตกลงกับทางสหรัฐฯ ซึ่งนายทรัมป์ ยังระบุอีกว่า ทางอียูได้ประโยชน์จากการค้ากับสหรัฐฯ ที่สามารถทำอะไรก็ได้ที่อยากจะทำ แต่หากประเทศสมาชิกของยูอีคัดค้านก็อาจส่งผลให้นายทรัมป์อาจเรียกเก็บภาษีรถยนต์ของทางอียูให้สูงถึง 25%
• นางลาเอล เบรนาร์ด สมาชิกบอร์ดบริหารของเฟด กล่าวว่า สิ่งที่เศรษฐกิจสหรัฐฯต้องการเมื่อไม่กี่ปีมานี้คือการสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ ดังนั้น เฟดจึงน่าจะควรขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยเธอมองว่าความผันผวนดูจะค่อยๆลดลงไป ขณะที่ความแข็งแกร่ง ได้รับแรงหนุนส่วนหนึ่งจากการปรับลดภาษีและการเพิ่มค่าใช้จ่ายของภาครัฐ ควบคู่กับการขยายตัวทางเศรษฐกิจโลก จึงทำให้เธอมั่นใจว่าเงินเฟ้อสหรัฐฯนั้นในท้ายที่สุดจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับเป้าหมาย
• เมื่อวานนี้ทางวุฒิสภาสหรัฐฯมีการลงมติด้วยคะแนนโหวต 67-32 ในการเริ่มต้นจะหารือร่วมกันเพื่อผ่อนคลายกฎข้อบังคับสำหรับภาคธนาคาร โดยกลุ่มผู้กู้รายย่อยและระดับกลาง โดยจะเป็นการปรับทบทวนกฎเก่าที่เคยบังคับใช้ในช่วงเกิดวิกฤตทางการเงินปี 2007-2009
• ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น โดยตลาดได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์ แต่การเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันยังคงถูกจำกัดจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯรายสัปดาห์จะเพิ่มสูงขึ้น
น้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 25 เซนต์ คิดเป็น +0.4% ที่ระดับ 65.79 เหรียญ/บาร์เรล โดยระหว่างวันมีการลงไปทำระดับต่ำสุดบริเวณ 65.30 เหรียญ/บาร์เรล และไปทำจุดสูงสุดรอบ 6 วันทำการบริเวณ 66.16 เหรียญ/บาร์เรล
น้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 3 เซนต์ ที่ระดับ 62.60 เหรียญ/บาร์เรล และระหว่างวันมีการขึ้นไปทำระดับสูงสุดรอบ 6 วันทำการบริเวณ 63.28 เหรียญ/บาร์เรล