• ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงหลังจากที่ค่าเงินดอลลาร์รีบาวน์กลับ จากเหล่าเทรดเดอร์ที่ทำการลดการถือครองสถานะก่อนทราบผลการประชุมอีซีบี โดยค่าเงินยูโรทรงตัวบริเวณ 1.2377 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่ดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นมาที่ 90.16 จุดในเช้านี้ จากระดับ 89.407 จุด
ในท้ายที่สุดอีซีบีก็ตัดสินใจคงนโยบายการเงินตามคาด ขณะที่นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่า ถ้อยแถลงส่วนใหญ่ยังเป็นไปคล้ายเดิม แต่ก็ดูเหมือนประธานอีซีบีจะมีท่าทีผ่อนคลายทางการเงิน เพื่อชดเชยความกังวลของตลาดที่ว่า สมาชิกฝ่ายบริหารของอีซีบีอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามสัญญาณชี้นำ แม้ว่าจะมีสัญญาณผ่อนคลายเพิ่มขึ้นสำหรับเรื่องการเมืองและเศรษฐกิจ
• นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ลงนามประกาศใช้นโยบายปรับขึ้นภาษีนำเข้าสำหรับเหล็กอีก 25% และอะลูมิเนียมอีก 10% อย่างเป็นทางการ แต่มีการยกเว้นให้สำหรับประเทศแคนาดาและเม็กซิโก พร้อมเปิดส่งสัญญาณถึงความเป็นไปได้ที่อาจมียกเว้นให้กับประเทศอื่นๆเพิ่มเติม
ทั้งนี้ การขึ้นภาษีนำเข้าจะมีผลภายใน 15 วันหลังจากนี้ ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากบรรดาผู้ประกอบการ สมาชิกพรรคเดโมแครต หรือแม้แต่สมาชิกพรรครีพับลิกันบางส่วน เนื่องจากความกังวลว่าการขึ้นภาษีนำเข้าอาจไปกดดันการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
ภายหลังจากการประกาศแผนขึ้นภาษีนำเข้า นายเจฟ เฟรค สมาชิกวุฒิสภารีพับลิกัน ได้กล่าวว่า เขาจะทำการร่างนโยบายเพื่อตอบโต้การปรับขึ้นภาษีนำเข้า ขณะที่นายออริน แฮทช์ ประธานคณะกรรมาธิการการเงินให้วุฒิสภา ยืนยันว่าจะประสานงานร่วมกับทางทำเนียบขาว เพื่อ“ช่วยบรรเทาความเสียหาย”
อย่างไรก็ตาม สมาชิกเดโมแครตบางส่วน กล่าวยกย่องนโยบายปรับขึ้นภาษีนำเข้าของนายทรัมป์ โดยระบุว่า ถึงเวลาแล้วที่สหรัฐฯควรปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง ทั้งในด้านการรักษาความมั่นคง และความสามารถในการแข่งขันในเศรษฐกิจโลก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯประกาศขึ้นภาษีนำเข้า
• สมาชิกธนาคารกลางแคนาดา กล่าวว่า นโยบายปรับขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมของสหรัฐฯ จะเป็นความเสี่ยงครั้งใหญ่ต่อเศรษฐกิจโลก ถึงแม้จะมีการยกเว้นแคนาดาเป็นการชั่วคราว แต่ก็ยังถือว่าแคนาดายังคงมีความเสี่ยงจากนโยบายตัวนี้อยู่
• นายมาริโอ ดรากี้ ประธานอีซีบี กล่าวเตือนนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เกี่ยวกับความเสี่ยงของนโยบายปรับขึ้นภาษีนำเข้า โดยระบุว่า ผลกระทบของนโยบายในระยะแรกๆอาจยังเห็นได้ไม่ชัดนัก แต่สิ่งที่ควรกังวลคือผลกระทบในระยะยาวและอาจกระทบมายังความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯและบรรดาประเทศในยูโรโซน
• นางคริสติน ลาการ์ด ประธานองค์กร IMF แสดงความกังวลว่า กระแสต่อต้านนโยบายขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมของสหรัฐฯจากบรรดาประเทศต่างๆ อาจเป็นปัจจัยกดดันความเชื่อมั่นและการลงทุนของภาคธุรกิจได้
• ทางด้าน 11 ประเทศที่รวมไปถึงญี่ปุ่นและแคนาดามีการลงนามข้อตกลงการค้า Asia-Pacific โดยปราศจากสหรัฐฯเป็นที่เรียบร้อยเมื่อวานนี้ และหนึ่งในรัฐมนตรีกล่าวว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นสัญญาณการตอบโต้มาตรการกีดกันทางการค้าและ Trade Wars!
• หัวหน้าฝ่ายความมั่นคงของเกาหลีใต้ กล่าวสรุปต่อเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวหลังจากเสร็จสิ้นการเจรจากับทางเกาหลีเหนือ โดยระบุว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ จะเข้าพบกันเพื่อทำการเจรจาในช่วงเดือนพ.ค.นี้ และนายคิมยังให้คำมั่น่าจะไม่ทำการทดสอบขีปนาวุธหรืออาวุธนิวเคลียร์ใดๆในขณะที่พบกัน
• การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น หรือบีโอเจวันนี้ มีแนวโน้มสูงที่จะตัดสินใจคงนโยบายไว้ดังเดิม พร้อมยืนยันถึงแนวทางการดำเนินนโยบายการเงินแบบค่อยค่อยไป โดยจะไม่เร่งรีบในการปรับไปใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงินแต่อย่างใด เพื่อควบคุมกระแสคาดการณ์ในตลาดเกี่ยวกับจังหวะการเปลี่ยนแปลงนโยบายของบีโอเจ
สำหรับในด้านมุมมองต่อเศรษฐกิจของบีโอเจ นักวิเคราะห์คาดว่า ทางบีโอเจจะยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่น แต่อาจแสดงความกังวลเกี่ยวกับโอกาสในการเกิดสงครามการค้า ความผันผวนของตลาด และการแข็งค่าของเงินเยนในช่วงนี้
• ราคาน้ำมันดิบปิดลดลงต่อ และทำให้ภาพรวมสัปดาห์นี้ถือเป็นสัปดาห์ที่ 2 ที่ปรับตัวลดลงจากการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์ ประกอบกับสัญญาณที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบในสหรัฐฯจะเพิ่มขึ้นในรัฐคุชชิง และโอกลาโฮมา อันจะทำให้ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐฯอยู่ในระดับสูง ขณะเดียวกันนักลงทุนก็มีความกังวลต่อความเป็นไปได้ที่จะเกิดสงครามทางการค้า
น้ำมันดิบ Brent ปิดลงลง 73 เซนต์ คิดเป็น -1.1% ที่ระดับ 63.61 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 1.03 เหรียญ คิดเป็น -1.7% ที่ระดับ 60.12 เหรียญ/บาร์เรล