
นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศใช้นโยบายปรับขึ้นภาษีนำเข้าสำหรับเหล็กอีก 25% และอลูมิเนียมอีก 10% อย่างเป็นทางการ โดยอ้างว่า การดำเนินการดังกล่าวจำเป็นต่อการปกป้องความมั่นคงของสหรัฐฯ
ท่ามกลางเสียงต่อต้านจากบรรดาผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับเหล็ก นายทรัมป์ได้ประกาศให้ละเว้นการขึ้นภาษีนำเข้าสำหรับแคนาดาและเม็กซิโก เป็นการชั่วคราว พร้อมเปิดส่งสัญญาณถึงความเป็นไปได้ที่อาจมียกเว้นให้กับประเทศอื่นๆเพิ่มเติม โดยบรรดาเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องในทำเนียบขาว จะมีการเจรและประเมินคู่ค้าที่อาจได้รับการยกเว้นอย่างยุติธรรม ภายในระยะเวลา 15 วัน ก่อนที่นโยบายขึ้นภาษีนำเข้าจะมีผล
อย่างไรก็ตาม บรรดาประเทศในยูโรโซน รวมทั้งประเทศจีนเอง ก็ได้ออกมาโตแย้งและประกาศว่าจะต่อต้านนโยบายดังกล่าวหากมีผลบังคับใช้จริง
ไม่เพียงแต่บรรดาประเทศคู่ค้าของสหรัฐฯที่ออกมาแสดงการต่อต้าน ซึ่งหลังจากที่นายทรัมป์ทำการลงนามในร่างนโยบายอย่างเป็นทางการ นายพอล ไรอัน โฆษกประจำทำเนียบขาว ก็ได้ออกมาประกาศว่า เขาไม่เห็นด้วยกับการดำเนินการดังกล่าว และกังวลเกี่ยวกับผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิด
ขณะที่นายปีเตอร์ นาวาโร ที่ปรึกษาด้านการค้าประจำทำเนียบขาว ได้ออกมากล่าวสนับสนุนการดำเนินงานดังกล่าว เนื่องจากอุตสาหกรรมเหล็กและอลูมิเนียม เปรียบเสมือนรากฐานให้กับประเทศ หากไม่อุตสากรรมทั้ง 2 อย่างนี้ ก็จะไม่สามารถเกิดประเทศขึ้นได้
ทั้งนี้ ภายหลังจากความขัดแย้งระหว่างนายทรัมป์และนายแกรี่ โคห์น อดีตที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจที่ลาออกไปเพราะความขัดแย้งในนโยบายดังกล่าว นายทรัมป์ได้กล่าวถึงนายโคห์น ว่า“เขาเป็นคนที่พิเศษ และผมก็ชอบเชา เลยหวังว่าเขาจะกลับมาทำงานร่วมกันอีก”
ที่มา: The Guardian