• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 12 มีนาคม 2561

    12 มีนาคม 2561 | Economic News


• ค่าเงินดอลลาร์ทรงตัวเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ในคืนวันศุกร์หลังจากที่ข้อมูลจ้างงานออกมาขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในรอบกว่า 1 ปีครึ่ง ขณะที่อัตราค่าแรงชะลอตัวลงต่ำกว่าคาดการณ์ จึงยิ่งหนุนมุมมองที่ว่าเฟดอาจไม่สามารถเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ โดยดัชนีดอลลาร์ร่วงลงมา 0.04% ที่ระดับ 90.141 จุด ขณะที่ค่าเงินยูโรทรงตัวบริเวณ 1.2306 ดอลลาร์/ยูโร หลังประธานอีซีบียังคงส่งสัญญาณว่าเงินเฟ้อในภูมิภาคยังอยู่ในระดับต่ำ และมีการกีดกันทางการค้าที่เพิ่มขึ้นถือเป็นความเสี่ยง

• เหล่าเทรดเดอร์ เกิดกระแสคาดการณ์กันว่า ข้อมูลภาคแรงงานล่าสุดอาจส่งผลให้เฟดตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ในการประชุมเดือนนี้ และอาจจะเกิดขึ้นอีก 2 ครั้งในปีนี้ แต่การร่วงลงของค่าแรงน่าจะฉุดโอกาสการขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 4 ในปีนี้ลงไป

• ขณะที่ค่าเงินเยนอ่อนค่าลงหลังจากบีโอเจมีท่าทีส่งสัญญาณผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มขึ้น โดยค่าเงินเยน +0.57% ที่ระดับ 106.81 เยน/ดอลลาร์

• สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า รัฐบาลสหรัฐฯมีท่าทีอ่อนข้อในการที่จะเปิดกว้างรับการเจรจาขอละเว้นการเพิ่มภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมกับประเทศอื่นๆมากขึ้น หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถูกแรงกดดันจากหลายๆฝ่ายทั้งสมาชิกในสภารวมถึงประเทศพันธมิตรให้พิจารณาร่างนโยบายใหม่อีกครั้ง

• ตัวแทนการค้าจากสหภาพยุโรปและญี่ปุ่นเริ่มต้นการเจรจาเพื่อขอให้สหรัฐฯละเว้นการปรับขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมจากประเทศของพวกเขาเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยในเบื้องต้นยังไม่สามารถหาข้อตกลงร่วมกันได้ และการเจรจาจะดำเนินต่อภายในสัปดาห์นี้

อย่างไรก็ดี แม้สหภาพยุโรปจะเริ่มต้นการเจรจากับตัวแทนการค้าจากสหรัฐฯเกี่ยวกับการขอละเว้นภาษีนำเข้าไปแล้วก็ตาม แต่หากยังไม่ได้รับการละเว้นจากการถูกเรียกเก็บภาษี สหภาพยุโรปจะทำการยื่นเรื่องกับองค์การการค้าโลก เพื่อกำหนดนโยบายการค้ากับสหรัฐฯใหม่ของตัวเอง ภายในระยะเวลา 90 วัน

• ล่าสุด รัฐมนตรีกระทรวงการคลังเกาหลีใต้ กล่าวว่า รัฐบาลจะทำทุกวิถีทางเพื่อตอบโต้กับแผนเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมของนายทรัมป์

• นายสตีเฟ่น มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ เผยว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯอาจยกเว้นการเก็บภาษีนำเข้าบางประเทศเพิ่มเติม

• รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์จีน กล่าวว่า สงครามการค้าใดๆกับทางสหรัฐฯมีแต่จะนำหายนะมาสู่เศรษฐกิจโลก ซึ่งการวิพากษ์วิจารณ์ประเด็น Trade War ที่เพิ่มขึ้น อาจยิ่งสร้างความวิตกกังวลมากขึ้นแก่เศรษฐกิจโลกด้วย

• ยอดส่งออกเหล็กจากจีนมีแนวโน้มจะปรับลดลงอีกภายในปีนี้ หลังจากยอดส่งออกเมื่อปี 2017 ปรับลดลงกว่า 30.5% ลงสู่ระดับ 75.43 ล้านตัน ท่ามกลางปริมาณอุปสงค์ภายในประเทศที่สูงขึ้น ประกอบกับปริมาณการผลิตที่ลดลงจากมาตรควบคุมมลพิษของรัฐบาล 

• นายชาลส์ อีวานส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโก เปิดเผยว่าตนอยากให้เฟดพิจารณาเลื่อนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน มี.ค. นี้ออกไปก่อน เพื่อช่วยหนุนให้อัตราเงินเฟ้อสามารถขยายตัวได้สู่ระดับเป้าหมายของเฟดที่ 2% หรือมากกว่านั้น

• ขณะที่ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยการประชุมเดือน มี.ค. และอีก 2 ครั้งภายปีนี้ โดยกระแสคาดการณ์ดูจะแข็งแกร่งมากขึ้น หลังตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯถูกประกาศออกมาแข็งแกร่งกว่าที่คาดในเดือน ก.พ. แม้อัตราค่าจ้างจะขยายตัวได้เพียงเล็กน้อยก็ตาม

• เฟดสาขาแอตแลนต้า ประกาศลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯลงสู่ระดับ 2.5% ในปีนี้ เทียบกับระดับ 2.5% จากคาดการณ์ครั้งก่อน ท่ามกลางการอัตราค่าจ้าง ค่าใช้จ่ายผู้บริโภคและปริมาณการลงทุนที่ประกาศออกมาต่ำกว่าคาดในเดือน ก.พ.

• รายงานข้อมูลการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของรัฐบาลสหรัฐฯขยายตัวได้มากทีสุดในรอบกว่า 1 ปีครึ่งในเดือนก.พ. แตะระดับ 313,000 ตำแหน่ง ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2007 โดยข้อมูลการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวอาจช่วยหนุนโอกาสการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในการประชุม 20-21 มี.ค. ได้ แต่การชะลอตัวของค่าแรงที่เกิดขึ้น ส่งผลให้นักเศรษฐศาสตร์ พากันมองว่า เฟดอาจไม่สามารถเพิ่มจำนวนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้จากคาดการณ์เดิมที่ระดับ 3 ครั้งได้

ทางด้านอัตราว่างงานทรงตัวแตะระดับต่ำสุดรอบ 17 ปีบริเวณ 4.1% ในเดือนก.พ. ถือเป็นการทรงตัวระดับดังกล่าวต่อเนื่อง 5 เดือน จากชาวสหรัฐฯกว่า 806,000 รายที่มีงานทำและส่งสัญญาณความเชื่อมั่นต่อตลาดแรงงาน แต่ข้อมูลค่าจ้างเฉลี่ยรายชั่วโมงกลับปรับขึ้นเพียง 0.1% ที่ระดับ 26.75 เหรียญในเดือนก.พ. โดยหดตัวลงจากระดับ 0.3% ในเดือนม.ค. จึงส่งผลให้ภาพรวมรายปีของค่าจ้างเฉลี่ยรายชั่วโมงอ่อนตัวลงตามสู่ระดับ 2.6% จากเดิมที่ระดับ 2.8% ในเดือนม.ค.

• นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เปิดเผยว่า การประชุมร่วมกับนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ อาจเป็นการเจรจาที่ไม่สามารถหาข้อตกลงร่วมกันได้ หรืออาจเป็นการเจรจาที่ประสบความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ในการช่วยลดความตึงเครียดให้กับทั้ง 2 ประเทศเกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์ พร้อมเปิดเผยว่า เกาหลีเหนือได้ให้สัญญาที่จะระงับการทดสอบขีปนาวุธในช่วงตลอดการเจรจา

ทั้งนี้ การประชุมดังกล่าวถูกคาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือน พ.ค. แม้เวลาและสถานที่จะยังไม่ถูกกำหนดก็ตาม

• ทางด้านสหรัฐฯ-เม็กซิโกล่าสุด นายทรัมป์ ได้ปฏิเสธข้อเรียกร้องจากประธานาธิบดีเม็กซิโกกรณีการจ่ายค่าสร้างกำแพงพรมแดนสหรัฐฯ

• รายงานจากรอยเตอร์ส ชี้ว่า ภาคบริษัทต่างๆในอังกฤษและอียูอาจเผชิญค่าใช้จ่ายรายปีสูงถึง 5.8 หมื่นล้านปอนด์ หากยังไม่เกิดข้อตกลง Brexit ซึ่งจะสร้างผลเสียให้แก่ภาคการเงิน และภาคอุตสาหกรรม

• ราคาน้ำมันปิดบวกในคืนวันศุกร์ โดยเป็นการรีบาวด์หลังจากปรับลดลงติดกัน 2 วันทำการ ท่ามกลางตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ปิดบวกจากข้อมูลการจ้างงานที่ประกาศออกมาแข็งแกร่งเกินคาด ขณะที่บรรดานักลงทุนดูมีความหวังต่อข่าวที่ผู้นำสหรัฐฯและเกาหลีเหนือทั้ง 2 ประเทศอาจจัดการประชุมร่วมกันในเดือน พ.ค. เพื่อลดความตึงเครียดระหว่างทั้ง 2 ประเทศ

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ Brent ปิด +2.96% บริเวณ 65.49 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิด +3.19% บริเวณ 62.04 เหรียญ/บาร์เรล

• รายงานจาก WSJ เผยว่า รัฐมนตรีกระทรวงน้ำมันของอิหร่าน กล่าวว่า โอเปกอาจมีข้อตกลงในเดือนมิ.ย. เพื่อลดการจำกัดปริมาณการผลิตน้ำมันในปี 2019 ขณะเดียวกันทางอิหร่านต้องการให้โอเปกร่วมมือกันเพื่อรักษาระดับราคาน้ำมันดิบให้อยู่แถวระดับ 60 เหรียญ เพื่อจำกัดการผลิตน้ำมัน Shale Oil ขอสหรัฐฯ เพราะหากราคาน้ำมันแตะ 70 เหรียญ ก็อาจยิ่งกระตุ้นให้สหรัฐฯยิ่งผลิต Shale Oil เพิ่มขึ้น

Related
บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com