• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 14 มีนาคม 2561

    14 มีนาคม 2561 | Economic News


• ผลการประกาศข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) สหรัฐฯในเดือนก.พ. ออกมาตามคาดที่ระดับ 0.2% แต่แย่ลงจากเดิมที่ระดับ 0.5% ได้รับแรงกดดันจากราคาแก๊สโซลีนที่ปรับตัวลดลง และราคาค่าเช่าที่อยู่อาศัยที่ปรับตัวขึ้นได้เพียงปานกลางเท่านั้น จึงส่งสัญญาณว่าเงินเฟ้อสหรัฐฯดูจะมีแนวโน้มขยายตัวได้อย่างค่อยเป็นค่อยไปเท่านั้น หลังจากที่การขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในเดือนม.ค. ได้จุดประกายความกังวลด้านเงินเฟ้อและส่งผลให้ตลาดการเงินต่างคาดการณ์กันว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยได้มากกว่าที่ประมาณการณ์ไว้

นักวิเคราะห์จาก JP Morgan ระบุว่า ข้อมูลเงินเฟ้อล่าสุดดูจะไม่ส่งสัญญาณให้เฟดมองว่าเงินเฟ้อนั้นมีการชะลอตัวมากเกินไป แต่ก็ไม่ได้ปรับตัวขึ้นร้อนแรงเกินไป

สำหรับข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (Core CPI) ที่ไม่รวมค่าอาหารและพลังงานของสหรัฐฯ ขยายตัวได้ตามคาดเช่นกันที่ 0.2% จากเดิมที่ระดับ 0.3% ในเดือนก่อนหน้า และเมื่อเทียบรายปีดัชนี Core CPI ก็ยังคงทรงตัวเท่าเดิมบริเวณ 1.8% ขณะที่เมื่อเปรียบเทียบรายปีของ CPI จะพบว่าขยายตัวได้ 2.2% ในเดือนก.พ. เพิ่มขึ้นจากเดือนม.ค. ที่อยู่ที่ระดับ 2.1% แต่ภาพรวมก็ยังดูจะเป็นการทรงตั

อย่างไรก็ดี หลังจากทราบข้อมูล CPI ก็ส่งผลให้เครื่องมือ Fed Fund Futures สะท้อให้เห็นว่าโอกาสการขึ้นดอกเบี้ยจำนวน 4 ครั้งของเฟดในปีนี้ดูจะมีโอกาสลดน้อยตามลงไปด้วย

• ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ หลังจากที่ข้อมูลเงินเฟ้อเดือนก.พ. ขยายตัวได้ตามคาด จึงบ่งชี้ว่า เฟดน่าจะยังคงการขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยไป ประกอบกับข่าวทางการเมืองของสหรัฐฯ หลังจากที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯสั่งปลดเลขาธิการกระทรวงต่างประเทศก็ส่งผลกดดันให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงด้วย โดยดัชนีดอลลาร์ปรับตัวลงมาที่ระดับ 89.694 จุด ขณะที่ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นที่ระดับ 1.2363 ดอลลาร์/ยูโร

• นายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน เลขาธิการกระทรวงต่างประเทศแห่งสหรัฐฯ ถูกปลดออกจากตำแหน่ง หลังเกิดความขัดแย้งในหลายๆประการกับ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยเบื้องต้น นายทรัมป์เปิดเผยว่า จะมอบหมายให้นายไมค์ ปอมเปโอ ผู้อำนวยการ CIA เข้ารับตำแหน่งต่อจากนายเร็กซ์

• นักวิเคราะห์มีมุมมองว่า นายปอมเปโอ ดูจะมีท่าทีที่เข้มงวดในการดำเนินนโยบายต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาวุธนิวเคลียของอิหร่าน และโครงการขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ

• นอกจากนี้ นายทรัมป์ยังมีคำสั่งปลดนายสตีฟ โกลด์สไตน์ รองเลขาธิการกระทรวงต่างประเทศ ตามไปอีกคน เนื่องจากนายสตีฟได้มีการต่อต้านคำสั่งปลดนายเร็กซ์

ทั้งนี้ นายสตีฟก่อนที่จะถูกสั่งปลด ได้มีการออกแถลงการณ์เกี่ยวกับการที่นายเร็กซ์ถูกปลดออกจากตำแหน่ง โดยระบุว่า นายเร็กซ์ไม่รับรู้ถึงสัญญาณใดๆที่เขาอาจจะถูกปลดโดยนายทรัมป์มาก่อนหน้านี้แม้แต่น้อย และยังไม่ทราบถึงเหตุผลที่เขาถูกสั่งปลดแต่อย่างใด

• บรรดากลุ่มผู้สนับสนุนสิ่งแวดล้อม ประกาศต่อต้านแนวคิดของนายทรัมป์ที่จะแต่งตั้ง นายไมค์ ปอมเปโอ ผู้อำนวยการ CIA ให้เข้ารับตำแหน่งเลขาธิการกระทรวงต่างประเทศ เนื่องจากนายไมค์เคยแสดงความคิดเห็นเชิงปฏิเสธภาวะโลกร้อน จึงพิจารณาว่าไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้ดำเนินการออกนโยบายต่างประเทศที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม

• รายงานล่าสุดระบุว่า นายทรัมป์ได้ส่งสัญญาณว่าเขากำลังพิจารณาแต่งตั้งนายแลรี่ คุดโลว์ ซึ่งเคยรับตำแหน่งที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจให้กับนายโรนัลด์ รีแกน อดีตประธานาธิบดี ให้เข้ารับตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจระดับสูง แทนที่นายแกรี่ โคห์น ที่ประกาศลาออกจากตำแหน่งไป

อย่างไรก็ตาม รายงานยังระบุอีก นายทรัมป์ กำลังพิจารณาปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศจีน โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มเทคโนโลยีและการสื่อสาร ที่คิดเป็นมูลค่ากว่า 6 หมื่นล้านเหรียญ

• นายมิทช์ แมคคอนเนล ผู้นำเสียงส่วนใหญ่ในวุฒิสภาสหรัฐฯ แสดงความคิดเห็นในเชิงการผ่านร่างกฎหมายเรียกเก็บภาษี เนื่องจากทางวุฒิสภาไม่มีแนวโน้มจะทำการแก้ไขกฎหมายการเรียกเก็บภาษีเหล็กและอะลูมิเนียม หลังจากที่นายทรัมป์ได้ทำการลงนามไปในสัปดาห์ที่แล้ว

• ความแตกต่างทางความคิดเกี่ยวกับการดำเนินการกับเกาหลีเหนือ ระหว่างญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ เริ่มเห็นชัดมากขึ้น หลังญี่ปุ่นเรียกร้องให้เกาหลีใต้ทักท้วงเกาหลีเหนือ เพื่อให้พิจารณาปล่อยชาวญี่ปุ่นที่ถูกลักพาตัวไปโดยเกาหลีเหนือ ขณะที่เกาหลีใต้ดูที่ท่าทีผ่อนคลายและมองเชิงบวกต่อกรณีดังกล่าวมากกว่าญี่ปุ่น

• ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรพื้นฐานของญี่ปุ่นขยายตัวเกินคาดในเดือน ม.ค. หลังจากที่ยอดสั่งซื้อชะลอตัวปรับร่วงลงในเดือน ธ.ค. โดยยอดสั่งซื้อเดือน ม.ค. ขยายตัวที่ระดับ 8.2% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ 5.6% จึงช่วยหนุนกระแสคาดการณ์ว่า ค่าใช้จ่ายในการลงทุนที่เพิ่มสูงขึ้น จะสามารถช่วยหนุนให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นขยายตัวต่อไปได้

• ราคาน้ำมันดิบปิดลดลงกว่า 1% จากความกังวลเกี่ยวกับปริมาณผลผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯที่เพิ่มสูงขึ้น และการร่วงลงของตลาดหุ้นจากข่าวทางการเมืองล่าสุดของสหรัฐฯ

ราคาน้ำมันดิบ Brent ปิดลดลง 31 เซนต์ คิดเป็น -0.5% ที่ระดับ 64.64 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 65 เซนต์ คิดเป็น -1.06% ที่ระดับ 60.71 เหรียญ/บาร์เรล

Related
บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com