• ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 248.91 จุด คิดเป็น -1% ที่ระดับ 24,758.12 จุด และดัชนี S&P500 ปิด -0.57% ที่ระดับ 2,749.48 จุด และดัชนี Nasdaq ปิด -0.19% ที่ระดับ 7,496.81 จุด
ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดปรับตัวลงหลังจากที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯมีแผนจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีน จึงจุดประกายความกังวลต่อภาวะสงครามการค้าที่อาจสร้างความเสียหายและยอดขายระหว่างประเทศสำหรับกลุ่มบริษัทของสหรัฐฯ
นอกจากนี้ ความเชื่อมั่นนักลงทุนก็ยังคงเป็นปัจจัยกดดันต่อตลาดหุ้น หลังจากที่ข้อมูลยอดค้าปลีกสหรัฐฯออกมาลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ในเดือนก.พ. จึงบ่งชี้ถึงภาวะการชะลอตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาสแรก
• ตลาดหุ้นเอเชียเปิดแดนลบท่ามกลางการร่วงลงของหุ้นกลุ่มภูมิภาคตามตลาดหุ้นสหรัฐฯจากความกังวลต่อภาวะตึงเครียดทางการค้า โดยดัชนีนิกเกอิเช้านี้เปิด -0.18% ท่ามกลางการแข็งค่าของค่าเงินเยนที่หลุด 106.2 เยน/ดอลลาร์ มาแถว 106.11 เยน/ดอลลาร์ในเช้านี้ ด้านตลาดหุ้นเกาหลีใต้อย่างดัชนี Kospi เปิด -0.12%
• นักลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียจับตาไปยังภาวะการเมืองอย่างใกล้ชิดจากกรณีที่นายเร็กซ์ ทิลเลอร์สันถูกปลดออกจากตำแหน่ง ประกอบกับการหารือความเป็นไปได้ของแผนเรียกเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มขึ้นของสหรัฐฯ ที่อาจบดบังข้อมูลภาคการผลิตและการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร (Fixed-Asset) ที่แข็งแกร่งของจีน
• นักบริหารเงิน คาดกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันนี้อยู่ที่ 31.10-31.20 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทแข็งค่าลงไปทำ New Low ในรอบ 54 เดือน นับตั้งแต่เดือน ต.ค. ปี 2556 ทยอยแข็งค่าไหลลงมาเรื่อยๆ จนปิดตลาดจากปัจจัยลบที่มีต่อดอลลาร์ ประกอบกับมีแรงเทขายดอลลาร์จากผู้ส่งออกด้วย
• รองนายกรัฐมนตรีไทย คาดการณ์ว่า หากเฟดมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย สถานการณ์การแข็งค่าของเงินบาทคงจะคลี่คลายลง