• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 20 มีนาคม 2561

    20 มีนาคม 2561 | Economic News



• ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้นเมื่อคืนนี้อีก 0.46% ที่ระดับ 1.2344 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากรายงานจากสำนักข่าวรอยเตอร์ส เผยว่า เจ้าหน้าที่อีซีบีกำลังมีการหารือเรื่องการยกเลิกการเข้าซื้อพันธบัตรและการปรับขึ้นดอกเบี้ย จึงทำให้เกิดกระแสคาดการณ์กันว่าอีซีบีอาจมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้เร็วกว่าที่เคยคาดการณ์กันไว้ ขณะที่ค่าเงินปอนด์ได้รับแรงหนุนจากการที่อังกฤษและอียู บรรลุข้อตกลงการเปลี่ยนผ่านช่วง Post-Brexit ได้ รวมทั้งข้อตกลงบริเวณพรมแดนไอริ

การแข็งค่าขึ้นของค่าเงินยูโรและค่าเงินปอนด์ ได้ส่งผลกดดันต่อค่าเงินดอลลาร์ ท่ามกลางเหล่าเทรดเดอร์ที่ยังคงมีความสงสัยว่าเฟดจะทำการขึ้นดอกเบี้ยได้เร็วขึ้นหรือไม่ หลังจากที่ข้อมูลตลาดแรงงานเมื่อไม่นานมานี้ยังคงแข็งแกร่ง โดยดัชนีดอลลาร์ร่วงลง 0.45% ที่ระดับ 89.826 จุด

• การร่วงลงของหุ้นยุโรปและสหรัฐฯเกิดขึ้นท่ามกลางบรรดาธนาคารกลางต่างๆมีแนวโน้มจะทำการเตรียมปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยอีซีบีเองถูกคาดว่าจะขึ้นดอกเบี้ยในช่วงกลางปี 2019 จึงช่วยหนุนให้ค่าเงินยูโรมีการฟื้นตัวเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์

• ขณะที่การประชุมเฟดที่จะเกิดขึ้นระหว่าง 20-21 มี.ค.นี้ ผลสำรวจนักวิเคราะห์ 104 คนของรอยเตอร์ส บ่งชี้ไปในทางเดียวกันว่า เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% สู่กรอบ 1.5 – 1.75% จึงทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10ปียังคงทรงตัวในระดับสูง และสะท้อนถึงมุมมองของนักลงทุนต่อโอกาสการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด

ทั้งนี้ ตลาดให้ความสำคัญกับถ้อยแถลงของ นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟดที่จะมีการกล่าวถ้อยแถลงหลังเสร็จสิ้นการประชุมเป็นครั้งแรกในวันพรุ่งนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์จาก JPMorganมองว่า ไม่เพียงแต่จะมีความเสี่ยงที่เฟดจะตัดสินใจเพิ่มจำนวนการขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ แต่อาจเพิ่มจำนวนการขึ้นดอกเบี้ยในปีหน้าได้ด้วยเช่นกัน

• การประชุม G20 เมื่อวานนี้ ดำเนินไปท่ามกลางความตึงเครียดในประเด็นการปรับขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม และแนวคิดการกีดกันการค้ากับจีนที่มากขึ้นของสหรัฐฯ โดยบรรดาผู้นำทางเศรษฐกิจของแต่ละประเทศกังวลว่าประเด็นดังกล่าวอาจนำสู่สงครามทางการค้าและกดดันการเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลก ขณะที่ทางสหรัฐฯยังคงยืนยันจะปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง

• คณะบริหารของประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะเปิดเผยรายละเอียดของแผนขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนที่คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 6 หมื่นล้านเหรียญภายในวันศุกร์นี้ โดยแผนขึ้นภาษีนำเข้าดังกล่าวจะมุ่งเป้าไปที่สินค้ากลุ่มเทคโนโลยี การสื่อสาร และทรัพย์สินทางปัญญา

• นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ลงนามในคำสั่งห้ามทำการซื้อขาย Petro ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิตอลของประเทศเวเนซูเอลา หลังเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวรายงานว่า การซื้อขายPetro จะเป็นการสนับสนุนรัฐบาลของนายนิโคลัส มาดูโร ประธานาธิบดีเวเนซูเอลา ที่มีการปกครองใกล้เคียงกับระบบเผด็จการ

• ตัวแทนจากอังกฤษและสหภาพยุโรป ตกลงที่จะดำเนินการให้การดำเนินการถอนตัวออกจากสหภาพของอังกฤษเป็นไปอย่างราบรื่นที่สุด แต่มีข้อแม้ว่าทางอังกฤษต้องยอมรับข้อเสนอจากสหภาพในการแก้ไขปัญหาชายแดนกับไอร์แลนด์เหนือ ซึ่งอังกฤษอาจได้รับเสียงคัดค้านจากภายในประเทศของตน

• ค่าเงินปอนด์อังกฤษปรับแข็งค่าขึ้น หลังทราบว่า อังกฤษจะยังคงเป็นสมาชิกในสหภาพยุโรปต่อไปอีก 21 เดือนจนถึงสิ้นไป 2020 ขณะบรรดาบริษัทรายใหญ่ในอังกฤษกล่าวเตือนว่า เงื่อนไขดังกล่าวจะมีผลต่อเมื่ออังกฤษยอมรับเงื่อนไขทุกประการภายในเดือน มี.ค. ต่อไปเท่านั้น

• รายงานผลสำรวจ Tankan ระบุว่า ความเชื่อมั่นต่อภาคการผลิตของญี่ปุ่นปรับตัวสูงขึ้นในเดือนมีนาคมเมื่อเทียบกับช่วง 3 เดือนก่อนหน้า ขณะที่ภาคบริการปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี ซึ่งสัญญาณที่แข็งแกร่งส่งผลให้บีโอเจจะทำการจับตาข้อมูลรายไตรมาสอย่างใกล้ชิด เนื่องจากข้อมูลล่าสุดเป็นปัจจัยที่หนุนมุมมองทางเศรษฐกิจเชิงบวกของบีโอเจ แต่บีโอเจก็อาจจะยังไม่ทำการออกจากนโยบายการเงินในเวลานี้ แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจจะแข็งแกร่งแต่เงินเฟ้อก็ยังอยู่ต่ำกว่าระดับ 2%

• ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้หลังจากที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดร่วงกว่า 1% และนักลงทุนในตลาดพลังงานยังคงกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาด แม้ว่าความตึงเครียดระหว่างซาอุดิอาระเบียและอิหร่านจะเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนราคาน้ำมันได้บางส่วนก็ตาม

ราคาน้ำมันดิบ Brent ปิดลดลง 16 เซนต์ คิดเป็น -0.2% ที่ระดับ 66.05 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 28 เซนต์ คิดเป็น -0.5% ที่ระดับ 62.06 เหรียญ/บาร์เรล

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com