
ถึงแม้จะเป็นที่ค่อนข้างแน่นอนแล้วว่าเฟดจะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมระหว่าง 20-21 มีนาคมนี้ แต่บรรดานักลงทุนจะยังให้ความสนใจไปยัง 5 สิ่งสำคัญต่อไปนี้ ได้แก่
1. เฟดจะมีมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ มากขึ้นหรือไม่?
เศรษฐกิจสหรัฐฯสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งในปีที่ผ่านมา รวมทั้งรัฐบาลสหรัฐฯยังมีการออกนโยบายปรับลดภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอีกด้วย จึงส่งผลให้บรรดาเจ้าหน้าที่เฟดไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯจะสามารถขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่งเพียงใด ขณะที่นักวิเคราะห์มีการคาดการณ์กันว่า เฟดน่าจะมีมุมมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะขยายตัวได้มากขึ้นหลังการประชุมครั้งนี้ ซึ่งอาจหมายถึงการปรับลดคาดการณ์อัตราว่างงาน ที่ปัจจุบันอยู่ในระดับ 3.9% รวมถึงปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 1.9% และปรับคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจที่ปัจจุบันคาดการณ์ไว้ที่ 2.5% สำหรับปี 2018
2. จะมีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยถึง 4 ครั้ง ภายในปีนี้หรือไม่ ?
จากการประชุมครั้งก่อน (เดือนธ.ค.) เฟดได้คาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2018 นี้ไว้ที่ 3 ครั้ง ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่า เฟดน่าจะยังคงจำนวนการปรับขึ้นดอกเบี้ยเท่าคาดการณ์เดิม ขณะที่บางส่วนมองว่ามีโอกาสอยู่พอสมควรที่เฟดอาจพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้มากขึ้นเป็น 4 ครั้งในปีนี้
3. จะมีการเปลี่ยนแปลงในรายงานเศรษฐกิจของเฟดหรือไม่?
บรรดานักเศรษฐศาสตร์ไม่ต้องการให้เฟดเปลี่ยนแปลงมุมมองที่มีต่อเศรษฐกิจเท่าไรนัก เนื่องจากรายงานเศรษฐกิจเมื่อเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา ที่ถือได้ว่า สมาชิกเฟดส่วนใหญ่มีมุมมองต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯในทิศทางเชิงบวก โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่า เฟดน่าจะกล่าวในเชิงเกี่ยวกับปัจจัยความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจในระยะสั้นๆที่ดูจะผ่อนคลายหรือมีท่าทีที่ดีขึ้น ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทางนโยบายการเงินและการเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลก
4. ถ้อยแถลงหลังการประชุมครั้งแรกของ “โพเวลล์”
บรรดานักเศรษฐศาสตร์กำลังจับตาดูการกล่าวถ้อยแถลงหลังเสร็จสิ้นการประชุมครั้งแรกของ นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟดคนใหม่ ที่มีการคาดหวังว่าถ้อยแถลงครั้งนี้ จะช่วยให้ตลาดสามารถเข้าใจถึงแนวทางการดำเนินนโยบายการเงินและมุมมองเศรษฐกิจของเขาได้มากขึ้น
5. นโยบายปรับลดยอดงบดุลของเฟด?
เฟดมีแนวคิดจะทยอยปรับลดการถือครองสินทรัพย์ในพอร์ตฟอลิโอที่ถือครองหรือปรับยอดงบดุลให้ปรับลดลง โดยเป็นลักษณะค่อยๆปรับลดลงเดือนละ 5 ร้อยล้านเหรียญฯจนถึงสิ้นปีนี้ ขณะที่ประธานเฟดสาขาแคสซัส ได้กล่าวว่า การปรับลดยอดงบดุลดังกล่าวอาจส่งผลให้เกิดความไม่สมดุลทางการเงินขึ้นในบางตลาด ขณะที่นักวิเคราะห์ประเมินว่า ประเด็นนี้จึงอาจเป็นอีกประเด็นที่เฟดจะให้ความสำคัญอย่างมากในรายงานการประชุมที่จะเปิดเผยตามมาในวันที่ 11 เม.ย.
ที่มา: Market Watch
