เป็นที่คาดการณ์กันอย่างอย่างกว้างขวางว่า ในการประชุมนโยบายการเงินประจำเดือน มี.ค. ของเฟดที่จะได้ผลสรุปภายในคืนนี้ เฟดจะประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% สู่ระดับ 1.50 – 1.75% เป็นครั้งแรกของปี 2018
นอกจากนี้ เฟดมีแนวโน้มสูงที่จะยังคงคาดการณ์จำนวนครั้งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ไว้ที่ทั้งหมด 3 ครั้งเช่นเดิม ขณะที่นักวิเคราะห์บางส่วนประเมินไว้ถึง 4 ครั้ง ความขัดแย้งกันในจุดนี้ระหว่างเฟดและตลาด อาจเป็นเหตุให้เมื่อใดก็ตามที่เฟดประกาศหรือส่งสัญญาณจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยถึง 4 ครั้ง อาจส่งผลให้เกิดความผันผวนอย่างมากในตลาด โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ตลาดหุ้นถูกแรงเทขายลงมา
สำหรับถ้อยแถลงหลังการประชุมครั้งแรกของนายเจอโรม โพเวล ประธานเฟดคนใหม่ มีแนวโน้มที่เขาจะกล่าวในเชิงคุมเข้มทางการเงิน โดยยืนยันถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯและการดำเนินการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯได้ปรับสูงขึ้นก่อนหน้าการประชุมเฟดจะเสร็จสิ้นลง ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ว่าเฟดจะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปี ปรับสูงขึ้นสู่ระดับ 2.35% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 9 ปี ขณะที่ตลาดหุ้นก็ปิดในแดนบวก นำโดยกลุ่มการเงิน แม้หุ้นบางกลุ่มอย่าง กลุ่มอสังหาฯ กลุ่มโทรคมนาคม และ กลุ่มอุปโภคบริโภค จะถูกแรงกดดันลงมาจากกระแสคาดการณ์ก็ตาม
Bank of America Merrill Lynch ประเมินว่า มุมมองที่แตกต่างกันออกไปเกี่ยวกับการประชุมเฟด อาจเป็นปัจจัยที่จะนำมาซึ่งความผันผวนในตลาด ไม่ว่าเฟดจะมีถ้อยแถลงเช่นไรก็ตาม
ขณะที่นักวิเคราะห์บางส่วนคาดการณ์ว่า เฟดจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสำหรับปี 2019 ที่ 1-2 ครั้ง โดยเมื่อไหร่ก็ตามที่เฟดประกาศจะหยุดการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อาจทำให้เกิดความแตกตื่นในตลาด ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวสูงขึ้นได้
ที่มา: CNBC