รายงาน Think Tank ของสถาบันการเงินชั้นนำของสหรัฐฯ ประเมินว่า 4 ใน 5 ภัยคุกคามระบบภาวางการเมืองทั่วโลกครั้งใหญ่ในปีนี้ จะเกี่ยวข้องโดยตรงกับ ทีมบริหารของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯทั้งสิ้น
ประธานและฝ่ายบริหารจาก Atlantic Council ระบุในสัปดาห์นี้ว่า สิ่งที่กังวลเกี่ยวกับวันแรกของการเข้าสู่ปีที่ 2 ในการดำรงตำแหน่งของนายทรัมป์ คือ ความตึงเครียดทางการเมืองจากของสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้น โดยจะเห็นได้ว่าทางทำเนียบขาวมีการส่งสัญญาณที่ตั้งใจถึงการฉีกกฎเกณฑ์การดำเนินนโยบายการต่างประเทศของสหรัฐฯที่มีมาแต่เดิม ซึ่งหนึ่งในความเสี่ยงของสหรัฐฯและทั่วโลกจะส่งผลกับภาวะทดสอบความแข็งแกร่งของภาคธนาคาร (Stress test) ท่ามกลางภาวะตื่นตระหนกที่อาจเกิดขึ้นทางการเมืองและสภาวะเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ดี ภาวะตื่นตระหนก (Shocks) ที่อาจเกิดขึ้นได้ มาจาก
Ø การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯกำลังถูกพิจารณาในกระบวนการสืบสวนสอบสวนความเป็นไปได้ที่รัสเซียอาจมีส่วนในการแทรกแซงผลการเลือกตั้งปี 2016
โดยในเดือนที่แล้ว นายโรเบิร์ต มูลเลอร์ เจ้าหน้าที่คณะกรรมาธิการสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษสหรัฐฯ มีการแจ้งข้อกล่าวหาแก่ชาวรัสเซียจำนวน 13 ราย และอีก 3 บริษัทฯ และล่าสุดในช่วงต้นเดือนมีนาคมนี้มีการออกหมายศาลถึงหน่วยงานภาคธุรกิจของนายทรัมป์
นอกจากนี้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีคำสั่งปลดฟ้าผ่าต่อนายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน เลขาธิการกระทรวงการต่างประเทศ ขณะท่นายแกรี่ โคห์น ที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของนายทรัมป์ประกาศลาออกจากตำแหน่ง และยังมีนายเฮช.อาร์ แมคมาสเตอร์ ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงถูกปลดตามมา
Ø ความเป็นไปได้ที่จะเกิด “Trade Wars” หลังทีมบริหารของนายทรัมป์ได้ทำการประกาศแผนเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมฉบับใหม่ ที่อาจส่งผลกระทบต่อเนื่องลุกลามไปยังการออกมาตรการทางการค้ากับประเทศจีน โดยเฉพาะกรณีการขโมยทรัพย์สินทางปัญญา
โดยล่าสุดทางทำเนียบขาว จะทำการประกาศรายละเอียดของแผนการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนมูลค่า 6 ล้านล้านเหรียญ จึงอาจกระตุ้นให้ นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนดำเนินมาตรการตอบโต้ และมีความเป็นไปได้ที่อาจจะตั้งเป้าหมายการตอบโต้ไปยังสินค้าทางการเกษตร โดยเฉพาะถั่วเหลือง
Ø การติดต่อแสดงความยินดีกับ นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย หลังจากที่ได้รับชัยชนะการเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (18 มี.ค.) ทำให้นายปูตินได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีรัสเซียต่อเนื่องเป็นสมัยที่ 4 แม้ว่าจะมีการกล่าวหาว่านายปูตินมีการแทรกแซงการเลือกตั้ง เช่นเดียวกับการเลือกตั้งในสหรัฐฯและยุโรป ขณะเดียวกันอังกฤษก็ได้กล่าวหาวารัสเซียมีการลอบสังหารอดีตผู้นำรัสเซียที่อาศัยอยู่ในอังกฤษจนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตชาวอังกฤษที่ British soil
Ø การเตรียมตัวพบกันระหว่างสหรัฐฯ-เกาหลีเหนือ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเร็วที่สุดในเดือนพ.ค.นี้ ซึ่งอาจช่วยลดหรือเพิ่มความเสี่ยงจากภาวะสงครามบริเวณคาบสมุทรเกาหลีได้
นายทรัมป์ ได้ประกาศยอมรับข้อเสนอในการประชุมร่วมกับ นายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ โดยทางทำเนียบขาวยังมีจุดยืนในการเจรจาทีจะเกิดขึ้นนั้นต้องนำไปสู่การสิ้นสุดโครงการอาวุธนิวเคลียของเกาหลีเหนือ
Ø ประเด็นความขัดแย้งกับอิหร่านที่เพิ่มขึ้น โดยนายทรัมป์กำหนดเส้นตายในเดือนพ.ค. เพื่อตัดสินใจว่าจะออกจากข้อตกลงอาวุธนิวเคลียของอิหร่านหรือไม่
โดยทีมบริหารของนายทรัมป์ มีแนวโน้มจะทำการเปลี่ยนแปลงข้อตกลง ที่อาจมีการยกระดับการคว่ำบาตรระยะยาวแก่อิหร่านเพื่อจำกัดการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ แต่ข้อตกลงในอนาคตนั้นก็ยังคงมีความไม่แน่นอน
ที่มา: CNBC