• ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 724.42 จุด คิดเป็น -2.93% ที่ระดับ 23,957.89 จุด ทางด้านดัชนี S&P500 ปิด -2.52% ที่ระดับ 2,643.69 จุด และดัชนี Nasdaq ปิด -2.43% ที่ระดับ 7,166.68 จุด
ซึ่งภาพรวมการร่วงลงของ 3 ดัชนีหลักในตลาดเมื่อวานนี้เป็นระดับการร่วงลงรายวันมากที่สุดนับตั้งแต่ 8 ก.พ. ขณะที่ดาวโจนส์และ S&P500 ร่วงลงหนักสุดนับตั้งแต่ที่ขึ้นไปทำ High เมื่อ 26 ม.ค. โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯได้รับแรงกดดันมาจากความเคลื่อนไหวของประธานาธิบดีสหรัฐฯเกี่ยวกับการเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนที่เป็นมูลค่าสูงถึง 6 หมื่นล้านเหรียญ จึงสร้างความกังวลให้แก่นักลงทุนว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกได้
• ผู้จัดการพอร์ตการลงทุนจาก Amundi Pioneer Asset Management กล่าวว่า ข่าวดังกล่าวถือเป็นผลลบต่อความเชื่อมั่นในตลาดอย่างมากในขณะนี้ และมีความเป็นไปได้ที่จะเห็นดัชนีราคาปรับตัวลงต่อ
• ดัชนีมาตรวัดความผันผวนของตลาด (CBOE) ปรับตัวขึ้น 5.48 จุดที่ระดับ 23.34 จุด ซึ่งถือเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่ 12 ก.พ. ที่ผ่านมา
• รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯยังมีแรงกดันจากการที่ นายทรัมป์ ทำการทวิตเตอร์ข้อความที่ว่าจะให้นายจอห์น โบลตัน มาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแทนนาย เอช.อาร์ แมคมาร์สเตอร์ ซึ่งนายโบลตันเป็นหนึ่งในผู้ที่มีท่าทีแข็งกร้าวทางการทหารเพื่อดำเนินการกับทางอิหร่านและเกาหลีเหนือ รวมไปถึงรัสเซียด้วย
• ตลาดหุ้นเอเชียเปิดร่วงลงในเช้าวันนี้ตามตลาดหุ้นสหรัฐฯและยุโรป จากความกังวลเรื่องสงครามทางการค้า โดยดัชนีนิเกอิเช้านี้เปิด -2.97% ด้านดัชนี Topix เปิด -2.43% ท่ามกลางหุ้นกว่า 33 กลุ่มที่เปิดปรับตัวลดลงไปทั่วในตลาดหุ้นญี่ปุ่น ซึ่งหุ้นกลุ่มโลหะและการเงินร่วงลงมากที่สุดในเช้านี้
• ขณะที่ดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้เปิด -2.09% ท่ามกลางการร่วงลงของหุ้นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ อาทิ หุ้นบริษัท Samsung Electronics ที่เปิดร่วงลง 2.67%
• นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 31.20-31.35 บาท/ดอลลาร์ โดยตลาดกังวลเกี่ยวกับโอกาสเกิดสงครามทางการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ
• ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจธนาคารไทยพาณิชย์ ระบุว่า ถึงแม้เฟดมีแนวโน้มปรับขึ้นดอกเบี้ยรวม 3 ครั้งในปีนี้ แต่อาจไม่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ มากนัก เนื่องจากนักลงทุนได้คาดการณ์ไว้บ้างแล้ว ดังนั้น ค่าเงินบาทต่อดอลลาร์ จึงอาจไม่เปลี่ยนแปลงจากปัจจัยการขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐฯ หากเฟดยังคงประมาณการอย่างเดิมในปี 2561
• องค์การการค้าโลก (WTO) ประกาศว่า มาตรการตอบโต้ที่ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับแผนเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนบางรายการที่สหรัฐฯกำหนดขึ้นนั้น ไม่สอดคล้องกับกฎของ WTO