
• ค่าเงินดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลงทำระดับต่ำสุดรอบ 5 สัปดาห์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ ท่ามกลางมุมมองเชิงบวกต่อสหรัฐฯและจีนที่กำหนดการเจรจาทางด้านการค้า จึงช่วยลดความกังวลด้านสงครามการค้า และส่งผลให้นักลงทุนมีการกลับเข้าถือครองสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้นบ้าง
ดัชนีดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลง 0.44% ที่ระดับ 89.044 จุด หลังจากที่ลงไปทำระดับอ่อนค่ามากที่สุดในรอบ 5 สัปดาห์บริเวณ 88.979 จุด
ทางด้านค่าเงินเยนเช้านี้ทรงตัวบริเวณ 105.47 เยน/ดอลลาร์ หลังจากที่หลุด 105 เยน/ดอลลาร์ไปในคืนวันศุกร์ ทางด้านค่าเงินยูโรรีบาวน์กลับขึ้นมาจากถ้อยแถลงของ นายเจนส์ เวียดแมนส์ สมาชิกอีซีบี ระบุว่า กระแสคาดการณ์เกี่ยวกับการขึ้นดอกเบี้ยของอีซีบีในช่วงกลางปี 2019 ดูจะไม่ค่อยสมจริงเท่าที่ควร โดยค่าเงินยูโรล่าสุดทรงตัวบริเวณ 1.2449 ดอลลาร์/ยูโร
• Bitcoin ร่วงลงกว่า 7% วานนี้ ทำระดับต่ำกว่า 8,000 เหรียญ จากความไม่แน่นอนของกลุ่มผู้กำหนดนโยบายและการประชาสัมพันธ์ถึงบทลงโทษโดยกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีต่างๆ จึงทำให้เราเห็นค่าเงินดิจิทัลมีการซื้อขายใกล้ระดับ 7,886 เหรียญ และปรับตัวลงไปกว่า 600 เหรียญในช่วงต้นตลาดวานนี้ ซึ่งภาพรวม Bitcoin ปรับตัวลงไปแล้วกว่า 42% หลังจากที่เริ่มช่วงต้นปีนี้ที่ระดับ 13,000 เหรียญ
• ในการเจรจาระหว่างตัวแทนจากสหรัฐฯและจีนเพื่อหลีกเลี่ยงการขึ้นภาษีและสงครามการค้า ทางคณะบริหารของประธานาธิบดีสหรัฐฯ เรียกร้องให้จีนพิจารณาปรับลดภาษีสำหรับรถยนต์นำเข้าจากสหรัฐฯ รวมถึง อนุญาตให้บริษัทต่างชาติมีสิทธิในการครอบครองสถาบันทางการเงินมากขึ้น และจีนต้องมีการซื้อขายสารกึ่งตัวนำ (Semiconductors) จากสหรัฐฯมากขึ้น
ขณะที่ ทางรัฐบาลจีนเรียกร้องให้สหรัฐฯทำการจ่ายค่าเสียหายจากการค้า ที่เกิดจากนโยบายขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งเป็นสัญญาณว่าความขัดแย้งระหว่างทั้ง 2 ประเทศอาจดำเนินต่อไปในที่ประชุมขององค์การการค้าโลก
• อดีตประธาน Morgan Stanley กล่าวว่า ความไม่สมดุลทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนที่อาจขยายออกไปในอีกหลายปีข้างหน้าเป็นแรงจูงใจที่ทำให้นายทรัมป์ตัดสินใจดำเนินนโยบายเรียกเก็บภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ขณะที่ยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐฯกับจีน และประเทศคู่ค้าอื่นๆจะได้รับผลสะท้อนหากเรามีการป้องกันไม่เพียงพอ โดยหากคุณต้องการกระตุ้นการใช้จ่ายและสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจก็จะต้องมีการใช้เงินทุนจำนวนมากจากต่างประเทศ และนำเงินก้อนนั้นไปหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติเข้ามาเพิ่ม
• สหรัฐฯ และประเทศในสหภาพยุโรป แคนาดา รวมไปถึงอังกฤษ มีการขับไล่นักการทูตรัสเซียรวมกว่า 100 คนเมื่อวานนี้ เพื่อเป็นการตอบโต้รัสเซียจากข้อกล่าวหาที่รัสเซียใช้อาวุธเคมีลอบสังหารอดีตสายลับรัสเซียที่อาศัยอยู่ในอังกฤษ
• สรุปถ้อยแถลงสมาชิกเฟด 3 ราย พบว่า นายวิลเลียม ดัดเลย์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก ระบว่า ภาคธนาคารควรจำเป็นต้องยุติพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมที่ทำให้ภาคธนาคารอย่าง Wells Fargo มีการปลอมแปลงบัญชี และธนาคารอื่นๆเลือกปฏิบัติตนในทางที่มิชอบ ดังนั้น ภาคธนาคารควรมีการปฏิรูปกฎ Dodd-Frank ที่เคยใช้ในช่วงวิกฤตทางการเงิน เนื่องจากบทเรียนจากความล้มเหลวในด้านระบบการจัดการไม่ควรเพิกเฉย
นายแรนดัล ควอเลส สมาชิกบอร์ดบริหารของเฟด กล่าวว่า เฟดอาจต้องทำการเปลี่ยนแปลงกฎภาคธนาคารเพื่อให้กลุ่มผู้มีรายได้น้อยสามารถกู้ยืมได้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในความพยายามผลักดันให้เกิดการปรับทบทวนกฎหมายภาคธนาคาร
นางลอเร็ตต้า เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาเคฟแลนด์ กล่าวว่า เฟดควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องในปีนี้และปีหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะ Overheat ที่อาจบั่นทอนการขยายตัวทางเศรษฐกิจได้
• รายงานจาก Bloomberg ระบุว่านายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ ได้เดินทางมาเยือนประเทศจีน ซึ่งเป็นการเดินทางเยือนต่างประเทศครั้งแรกของนายคิม นับตั้งแต่สืบทอดตำแหน่งต่อจากบิดาของเขาเมื่อปี 2011 โดยการเดินทางครั้งนี้ เกิดขึ้นก่อนหน้าการประชุมระหว่างเขาและประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่อาจขึ้นในเดือน พ.ค. นี้
• ขณะที่สำนักข่าว Kyodo ของญี่ปุ่นระบุว่า การเดินทางครั้งนี้ มีจุดประสงค์เพื่อสานความสัมพันธ์กับประเทศจีน ที่ย่ำแย่ลงจากความพยายามในการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ ท่ามกลางการต่อต้านจากนานาประเทศ ขณะที่รายละเอียดของการเดินทางไม่เป็นที่แน่ชัด
• ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่ทำการเทขายทำกำไรหลังจากที่ราคาปรับตัวสูงขึ้น แต่ความกังวลเกี่ยวกับภาวะตึงเครียดระหว่างซาอุดิอาระเบียและอิหร่านยังคงเป็นประเด็นที่ช่วยจำกัดการปรับตัวลงของราคา
น้ำมันดิบ Brent ปิดลดลง 33 เซนต์ คิดเป็น -0.5% ที่ระดับ 70.12 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลง 33 เซนต์เช่นกัน ที่ระดับ 65.55 เหรียญ/บาร์เรล
สำหรับสัปดาห์ที่แล้ว น้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้นได้ 6.4% และน้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 5.7% ซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นรายสัปดาห์ที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่ก.ค.