MTS Help Center

• ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ โดยรีบาวน์กลับจากระดับต่ำสุดรอบ 5 สัปดาห์ในช่วงต้นตลาดขึ้นมาได้ ท่ามกลางภาวะตึงเครียดทางการค้าที่ลดน้อยลงไป นอกจากนี้ค่าเงินดอลลาร์ยังได้รับแรงหนุนจากกระแสเงินไหลเข้ากองทุนเพื่อปรับสมดุลในพอร์ตฟอลิโอของพวกเขาในช่วงสิ้นเดือนสุดท้ายของไตรมาสแรกอีกด้วย

ดัชนีดอลลาร์ปรับตัวขึ้นได้ 0.38% ที่ระดับ 89.364 จุด หลังจากอ่อนค่าลงไปทำระดับต่ำสุดรอบ 5 สัปดาห์บริเวณ 88.942 จุด

• ค่าเงินเยนยังคงถูกเข้าซื้อเพื่อเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในภาวะที่ตลาดยังมีความผันผวน หลังจากที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯเคลื่อนไหวแดนลบอีกครั้งในช่วงปลายตลาด โดยค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้น 0.08% ที่ระดับ 105.48 เยน/ดอลลาร์ จากระดับสูงสุดช่วงต้นตลาดบริเวณ 105.9 เยน/ดอลลาร์

• ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้น 0.3% ที่ระดับ 1.2476 ดอลลาร์/ยูโร โดยได้รับแรงหนุนจากตลาดที่ผ่อนคลายความกังวลเรื่อง Trade War แต่ในช่วงปลายตลาดค่าเงินยูโรปรับอ่อนค่าลงมา 0.34% เมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ หลังจากที่สมาชิกบอร์ดบริหารของอีซีบี กล่าวย้ำว่า เงินเฟ้อยูโรโซนอาจยังอยู่ในระดับต่ำกว่าที่คาด แม้ว่าเศรษฐกิจยูโรโซนจะขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่งก็ตาม

ขณะที่นายอีวาล์ด โนโวทนีย์ สมาชิกบอร์ดบริหารอีกหนึ่งรายของอีซีบี กล่าวว่า อีซีบีจะทำการตัดสินใจในช่วงฤดูร้อนนี้เกี่ยวกับการลดการเข้าซื้อพันธบัตร หากข้อมูลมีความคืบหน้าตามที่คาดการณ์ไว้

• นายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟดสาขาแอตแลนต้า แสดงความคิดเห็นว่า เขาพอใจต่อการปรับระดับราคาเป้าหมายเงินเฟ้อและกลยุทธ์ในการดำเนินนโยบายการเงินใหม่ เนื่องจากกลยุทธ์ในขณะนี้ดูจะไม่สอดคล้องกับระดับเป้าหมายเงินเฟ้อที่เหมาะสมในปัจจุบัน

• ทางทำเนียบขาวเปิดเผยว่า สหรัฐฯและเกาหลีใต้มีการบรรลุข้อตกลงหลักๆในข้อตกลงการค้าฉบับใหม่ และน่าจะทำการเปิดเผยรายละเอียดในเร็วๆนี้

• ผู้นำองค์การการค้าโลก (WTO) ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว BBC โดยระบุว่า ไม่มีท่าทีที่สหรัฐฯจะทำการเดินออกจากที่ประชุมเกี่ยวกับการป้องกันไม่ให้เกิดสงครามการค้าขึ้นแต่อย่างใด และเชื่อมั่นว่าสหรัฐฯจะไม่ละทิ้งการประชุมครั้งนี้อย่างแน่นอน

• สำหรับคำถามที่ว่า นโยบายการปรับขึ้นภาษีเหล็กแหละอลูมิเนียมของสหรัฐฯ เป็นการละเมิดข้อตกลงของ WTO หรือไม่ ยังต้องเป็นที่ถกเถียงกันในที่ประชุมต่อไป แต่ความเสียที่เศรษฐกิจโลกจะได้รับ จะยิ่งเห็นชัดยิ่งขึ้นหากนานาประเทศมีการต่อต้านสหรัฐฯ ซึ่งจะเป็นชนวนของสงครามการค้าได้

• รายงาน Beige Book ของจีน กล่าวว่า กิจกรรมการเศรษฐกิจจีนยังคงมีความแข็งแกร่งในไตรมาสแรก ท่ามกลางการจ้างงานที่ใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่ก็ยังมี 2 ปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ยังไม่ค่อยสดใสนักในด้านเครื่องจักร ภาคอุตสาหกรรม และสินค้าโภคภัณฑ์ที่ดูจะยังชะลอตัวอยู่

• นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เรียกร้องให้บรรดาประเทศฝั่งตะวันตก ใช้มาตรการระยะยาวกับรัสเซีย เกี่ยวกับกรณีที่รัฐบาลรัสเซียถูกต้องสงสัยว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการโจมตีอดีตสายลับสองหน้าของรัสเซียด้วยสารพิษภายในแผ่นดินอังกฤษ

ขณะที่ความเคลื่อนไหวล่าสุดในการคว่ำบาตรรัสเซียจากทั่วโลก มีดังนี้

* ไอร์แลนด์ประกาศปลดนักการทูตรัสเซียออก 1 คน แม้จะถูกต่อต้านโดยสถานทูตรัสเซียในประเทศก็ตาม

* องค์กร NATO ประกาศปลดนักการทูตรัสเซียออก 7 คน พร้อมประกาศยกเลิกกำหนดการประชุมร่วมกับทูตรัสเซียอีก 3 คน ที่จะเกิดขึ้นในเดือนนี้ ขณะที่ผู้นำองค์กรNATO เตรียมปรับลดตำแหน่งนักการทูตรัสเซียที่สังกัดในองค์กรลงจากเดิม 30 ตำแหน่ง สู่ระดับ 20 ตำแหน่ง

* เบลเยี่ยมประกาศปลดนักการทูตรัสเซียออก 1 คน ซึ่งเบลเยี่ยมเป็นประเทศล่าสุดในสหภาพยุโรปที่ตัดสินใจเข้าร่วมการต่อต้านรัสเซีย

ทั้งนี้ บรรดารัฐบาลของสหรัฐฯ อังกฤษ สหภาพยุโรป และประเทศอื่นๆ ได้ตั้งเป้าหมายในในการสั่งปลดนักการฑูตชาวรัสเซียออกรวมมากกว่า 100 ตำแหน่ง เพื่อเป็นการแสดงการต่อต้านการใช้อาวุธชีวภาพของรัสเซีย ขณะที่รัสเซียยังคงยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอังกฤษ

• รัฐบาลจีนยืนยันว่านายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ได้เดินทางมายังประเทศจีนจริง และได้เข้าพบกับนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน และยังเปิดเผยว่า พวกเขาได้รับคำมั่นสัญญาจากเกาหลีเหนือเกี่ยวกับการยกเลิกพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ เพื่อรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างทั้ง 2 ประเทศเอาไว้

• ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงจากแรงขายทำกำไร ประกอบกับการชะลอตัวของตลาดหุ้นและข้อมูลภาคอุตสหกรรมที่แสดงให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นเกินคาดของสต็อกน้ำมันดิบ โดยน้ำมันดิบ Brent ปิดลดลง 1 เซนต์ ที่ระดับ 70.11 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากขึ้นไปทำ High 71 เหรียญ /บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 30 เซนต์ ที่ระดับ 65.25 เหรียญ/บาร์เรล